Tuesday 28 January 2014

ความผิดฐานเป็นซ่องโจร (A member of criminal association)

ความผิดฐานเป็นซ่องโจร
(
A member of criminal association)


มาตรา 210 ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน เป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
          ถ้าเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวาง โทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท


องค์ประกอบความผิดฐานซ่องโจร
          ภายนอก
-          สมคบกัน เพื่อกระทำความผิด
-          ความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป
-          ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
          ภายใน
-          เจตนาธรรมดา

ความหมายของ การสมคบ มาจากคำว่า Conspiracy
          
ใน Black’s law Dictionary
          Conspiracy: In criminal law. A combination or confederacy between two or more persons formed for the purpose of committing, by their joint efforts, some unlawful or criminal act, or some act which is innocent in itself, but becomes unlawful when done by the concerted action of the conspirators, or for the purpose of using criminal or unlawful means to the commission of an act not in itself unlawful.

          ความผิดฐานนี้ต่างประเทศ คือ ความผิดฐาน Conspiracy ซึ่งมีแนวความคิดมาจากกฎหมายอาญาของประเทศคอมมอนลอว์ ที่ต้องการจะลงโทษการกระทำที่จะนำไปสู่อาชญากรรมในอนาคต การสบคนกัน เพื่อจะกระทำความผิด เป็นการกระทำที่จะนำไปสู่อาชญากรรม กฎหมายจึงต้องการเข้าไปปราบปรามการกระทำนั้นเสีย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ตัดไฟแต่ต้นลมนั้นเอง

          แต่ในทางปฏิบัติ ความผิดฐานนั้นแม้กฎหมายจะบัญญัติไว้ชัดเจนว่า การสบคนกันก็เป็นความผิดแล้วแต่การปราบปรามค่อนข้างจะทำได้ยาก เพราะขาดพยานหลักฐานในการดำเนินคดี ต้องอาศัยผู้ต้องหาให้การปลักปลำกันเอง

กรุณาอ่านเรื่อง Inchoate Crime ที่ผมได้เคยขียนไว้ก่อนหน้านี้นะครับ เพื่อความเช้าใจใน Concept http://chalermwutsa.blogspot.com/2013/02/inchoate-crimes.html


การสบคบ ได้แก่ การตกลงกันกระทำความผิด เช่น การประชุมวางแผนหรือทำพิธีจะไปปล้น

          คำพิพากษาฎีกาที่ 1103/2496 คบคิดกัน 5 คนคิดวางแผนการปล้นทองคำ การปล้นครั้งแรก ไม่สำเร็จจึงล้มเลิก รุ่งขึ้นประชุมใหม่และทำการปล้นสำเร็จ ดังนี้การปล้นครั้งต่อมาเป็นการคบคิดกัน คนละคราวคนละวาระ ผู้ที่สมคบเฉพาะคราวแรก ไม่ได้ไปด้วยในคราวหลัง จึงต้องรับผิดเพียงเท่าที่ทำไปในครั้งแรก คือฐานซ่องโจร ไม่มีความผิดในการปล้นครั้งหลัง

          (ขส เน 2526/ 7) นายจี้คังกับพวก สมคบกัน ตั้งแต่ 5 คน เพื่อกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ในเวลากลางคืน ตามมาตรา 335 กำหนดโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 1 ปี นายจี้คังกับพวก จึงมีความผิดฐานเป็นซ่องโจร ตาม มาตรา 210 วรรคแรก แม้จะยังไม่ได้ลงมือกระทำความผิดตามที่สมคบกันก็ตาม ฎ 1341/2521

           (ขส พ 2516/ 6) หกคนร่วมวางแผนปล้น แต่ฤกษ์ไม่ดี จึงไม่ได้ปล้น ต่อมาวางแผนใหม่ ทิดและจัน ไอยากปล้น แต่เกรงใจพวก จึงร่วมมือด้วย ก่อนถึงบ้านปล้น นายทิดแยกตัวกลับ นายจันชี้บ้านแล้วรออยู่ห่างบ้าน 3 เส้น โดยไม่ได้ช่วยเหลือใด ๆ อีก นายคานดูลาดเลาแล้ว ออกมาระวังเหตุการณ์ภายนอก พุด หัด และสุก เข้าปล้น นายเสาร์รู้ตัวก่อนจึงนำทรัพย์ไปไว้ที่อื่น พวกปล้นไม่ได้ทรัพย์ไป / การประชุมปล้นทั้งสอง ครั้ง ผิด ม 210 พุด หัด และสุก ทำผิดตามที่สมคบ ทิด จัน และคาน ต้องรับโทษเช่นกัน ตาม ม 213 ไม่ต้องพิจารณาเรื่องตัวการ ผู้สนับสนุน เมื่อไม่ได้ทรัพย์จึงผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ ม 340,80 ฎ 1103-4/2496

ข้อสังเกต
          1. ความผิดฐานซ่องโจร ต้องเป็นการตกลงจะไปกระทำความผิดในประมวลกฎหมายอาญา ภาค 2 (ภาคความผิด) และต้องมีโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป

          2. ความผิดฐานซ่องโจร เป็นความผิดสำเร็จทันทีที่สมคบกันเพื่อกระทำความผิด โดยไม่จำเป็นจะต้องไปกระทำความผิด


เฉลิมวุฒิ สาระกิจ
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา