Wednesday 24 February 2016

ข้อสอบวิชากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ชุดที่ 2 :สอบสวน


ข้อสอบวิชากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ชุดที่ 2 :สอบสวน

ออกข้อสอบโดย เฉลิมวุฒิ สาระกิจ

อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา


ข้อที่ 1: ข้อใดต่อไปนี้คือความสำคัญของการสอบสวนคดีอาญา

 ก.อัยการไม่มีอำนาจฟ้องคดีหากไม่มีการสอบสวน
 ข.การสอบสวนทำให้คดีอาญาถูกกลั่นกรองก่อนที่คดีจะขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาล
 ค.การสอบสวนถือเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
 ง.ถูกทุกข้อ




ข้อที่ 2: ในคดีอาญาหากผู้เสียหายฟ้องคดีเองโดยไม่ผ่านขั้นตอนของการสอบสวนจะมีผลอย่างไรดังต่อไปนี้
 ก.ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญา
 ข.พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาที่ผู้เสียหายฟ้องคดีเองต่อศาล
 ค.ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีเอง แม้ไม่มีการสอบสวน แต่ศาลต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องก่อนเสมอ
 ง.ผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง แม้ไม่มีการสอบสวน และไม่ต้องไต่สวนมูลฟ้อง




ข้อที่ 3: ข้อใดต่อไปนี้ทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
 ก.การสอบสวนทำโดยผู้ที่ไม่มีอำนาจสอบสวน
 ข.ผู้ที่สรุปสำนวนทำความเห็นควรสั่งฟ้องไม่ฟ้องไม่ใช่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
 ค.พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนคดีอาญาความผิดส่วนตัวโดยผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์
 ง.พนักงานสอบสวนไม่แจ้งข้อหาให้ผู้ต้องหาทราบ
 .ถูกทุกข้อ




ข้อที่ 4: อำนาจสอบสวนคดีอาญาเป็นขององค์กรใดดังต่ไปนี้
 ก.ศาล
 ข.ตำรวจโดยพนักงานสอบสวน
 ค.พนักงานอัยการ
 ง.ตำรวจโดยพนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการ




ข้อที่ 5: บุคคลตามข้อใดต่อไปนี้ถือเป็นพนักงานสอบสวนตาม ป.วิอาญา มาตรา 2(6)

 ก.ตำรวจชั้นผู้ใหญ่
 ข.อัยการสูงสุด
 ค.พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
 ง.ถูกทุกข้อ




ข้อที่ 6: บุคคลที่มีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาที่เกิดขึ้นนอกเขตกรุงเทพมหานคร คือ บุคคลตามข้อใดดังต่อไปนี้
 ก.ตำรวจที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไป
 ข.ตำรวจที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไปและตำรวจชั้นผู้ใหญ่
 ค.ตำรวจที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไปและตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และพนักงานฝ่ายปกครอง
 ง.ตำรวจที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไป ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พนักงานฝ่ายปกครอง และปลัดอำเภอ




ข้อที่ 7: ในเขตกรุงเทพมหานครบุคคลใดดังต่อไปนี้เป็นพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจสอบสวนคดีอาญา
 ก.ตำรวจที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไป
 ข.ตำรวจที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไปและตำรวจชั้นผู้ใหญ่
 ค.ตำรวจที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไป ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และพนักงานฝ่ายปกครอง
 ง.ตำรวจที่มียศร้อยตำรวจตรีขึ้นไป ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พนักงานฝ่ายปกครองและปลัดอำเภอ




ข้อที่ 8: บุคคลในข้อใดดังต่อไปนี้มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร
 ก.พนักงานสอบสวนของกองปราบปราม
 ข.พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
 ค.อัยการสูงสุดหรือผู้ทำการแทน
 ง.อัยการสูงสุดหรือผู้ทำการแทน และพนักงานอัยการ




ข้อที่ 9: ข้อใดต่อไปนี้คือความแตกต่างระหว่าง ป.วิอาญา มาตรา 18 และมาตรา 19
 ก.มาตรา 18 คือกรณีที่ความผิดเกิดขึ้นในราชอาณาจักร ส่วนมาตรา 19 เป็นกรณีความผิดเกิดนอกราชอาณาจักร
 ข.ตาม มาตรา 18 คึอกรณีที่ความผิดได้เกิดขึ้นท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง แต่กรณีตามมาตรา 19 คือกรณีที่ความผิดเกิดขึ้นสองท้องที่
 ค.ตาม มาตรา 18 คึอกรณีที่ความผิดได้เกิดขึ้นท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง แต่กรณีตามมาตรา 19 คือกรณีที่ความผิดเกิดขึ้นหลายท้องที่ต่อเนื่องกัน
 ง.ตาม มาตรา 18 คึอกรณีที่ความผิดได้เกิดขึ้นท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง แต่กรณีตามมาตรา 19 คือกรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับหรือมีภูมิลำเนาหลายท้องที่




ข้อที่ 10: ในกรณีที่ความผิดอาญาได้เกิดขึ้ินในท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง พนักงานสอบสวนในท้องที่ใดมีอำนาจสอบสวน
 ก.พงส.ท้องที่ความผิดได้เกิดขึ้น
 ข.พงส.ท้องที่ผู้ต้องหามีที่อยู่
 ค.พงส.ท้องที่ผู้ต้องหาถูกจับ
 ง.ถูกทุกข้อ




ข้อที่ 11: ในกรณีความผิดเกิดขึ้นท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง พนักงานสอบสวนท้องที่เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
 ก.พงส.ท้องที่ความผิดได้เกิดขึ้น
 ข.พงส.ท้องที่ผู้ต้องหาถูกจับ
 ค.พงส.ท้องที่ผู้ต้องหามีที่อยู่
 ง.พงส.ท้องที่ความผิดได้เกิดขึ้น และท้องที่ผู้ต้องหาถูกจับ และท้องที่ผู้ต้องหามีที่อยู่




ข้อที่ 12: เหตุที่จะทำให้พนักงานสอบสวนในท้องที่ผู้ต้องหามีที่อยู่หรือถูกจับได้เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้ คือข้อใดดังต่อไปนี้
 ก.เมื่อมีเหตุจำเป็น
 ข.เพื่อความสะดวก
 ค.เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเพื่อความสะดวก
 ง.เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเพื่อความสะดวก และเพื่อประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรม




ข้อที่ 13: นายหนึ่งทราบดีว่านายสองจะเดินทางจากหมอชิดไปจังหวัดเชียงราย นายหนึ่งต้องการฆ่านายสองจึงแอบเอายาพิษในในน้ำดื่มของนายสอง นายสองดื่มน้ำขณะอยู่ที่สถานีหมอชิด ปรากฏว่าเมื่ีอถึงจังหวัดพิษณุโลก นายสองถึงแก่ความตายจากการถูกวางยาพิษ ดังนี้พนักงานสอบสวนในท้องที่ใดมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาที่เกิดขึ้น
 ก.พนักงานสอบสวนเขตจตุจักร
 ข.พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก
 ค.พนักงานสอบสวนเขตจตุจักรและพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก
 ง.พนักงานสอบสวนทุกท้องที่รถประจำทางคันดังกล่าวได้ผ่านมา




ข้อที่ 14: ข้อเท็จจริงจากข้อที่ผ่านมา หากพนักงานสอบสวน ส.ภ.เมืองพิษณุโลกได้ทำการสอบสวนคดีอาญาที่เกิดขึ้น นายสามซึ่งเป็นบิดาของนายสองรู้ว่าพนักงานสอบสวน ส.ภ.เมืองพิษณุโลกไม่มีอำนาจสอบสวนแต่ก็ไม่ได้คัดค้านการสอบสวนดังกล่าว จนพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาล พนักงานอัยการในคดีนี้จะมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลหรือไม่


 ก.มีอำนาจฟ้อง เพราะมีการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย
 ข.มีอำนาจฟ้อง เพราะแม้การสอบสวบสวนจะสอบสวนโดยพงส.ที่ไม่มีอำนาจ แต่ผู้เสียหายก็ไม่ได้คัดค้าน
 ค.ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะการสอบสวนโดยพงส.ที่ไม่มีอำนาจ ถือว่าไม่มีการสอบสวน
 ง.ไม่มีข้อถูก




ข้อที่ 15: นายหนึ่งทราบดีว่านายสองจะเดินทางจากหมอชิดไปจังหวัดเชียงราย นายหนึ่งต้องการฆ่านายสองจึงแอบเอายาพิษในในน้ำดื่มของนายสอง นายสองดื่มน้ำขณะอยู่ที่สถานีหมอชิด ปรากฏว่าเมื่ีอถึงจังหวัดพิษณุโลก นายสองถึงแก่ความตายจากการถูกวางยาพิษ

หากคดีดังกล่าวได้มีการสอบสวนโดย พงส.เขตจตุจักร และพงส.ส.ภ.เมืองพิษณุโลก และพนง.เขตจตุจักรเป็นผู้รับผิดชอบ
 ก.เป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย อัยการมีอำนาจฟ้องคดี
 ข.เป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จะมีการสอบสวนโดย พงส.ที่ไม่มีอำนาจสอบสวนร่วมด้วยก็ตาม
 ค.เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ เพราะการสอบสวนบางส่วนเกิดขึ้นโดย พงส.ที่ไม่มีอำนาจสอบสวน
 ง.เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ เพราะ พนส.ผู้รับผิดชอบต้องเป็น พนง.สภ.เมืองพิษณุโลก




ข้อที่ 16: นายหนึ่งได้ลักทรัพย์นายสองในเขตอำเภอเมืองจังหวัดพะเยา และนำทรัพย์ที่ได้มาไปขายให้กับนายสามที่เขตอำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย โดยที่คดีที่เกิดขึ้น พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเยาได้จับกุมนายหนึ่งและนายสามฐานลักทรัพย์และรับของโจร และทำการสอบสวนนายหนึ่งและนายสาม ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดพะเยาได้ยื่นฟ้องนายหนึ่งและนายสามต่อศาลจังหวัดพะเยา

ดังนี้พนักงานอัยการจะมีอำนาจฟ้องคดีนายหนึ่งและนายสามต่อศาลจังหวัดพะเยาหรือไม่
 ก.มีอำนาจฟ้องเฉพาะคดีของนายหนึ่ง เพราะคดีของนายสามต้องสอบสวนโดยพงส.เมืองเชียงราย
 ข.มีอำนาจฟ้องทั้งสองคดีต่อศาล เพราะคดีมีความเกียวเนื่องกัน
 ค.ไม่มีอำนาจฟ้องทั้งสองคดี เพราะการสอบสวนไม่ชอบบางส่วน
 ง.มีอำนาจฟ้องเฉพาะคดีของนายหนึ่ง ส่วนคดีของนายสามไม่มีอำนาจฟ้อง




ข้อที่ 17: นายหนึ่งร่วมกับนายสอง ฉุดนางสามเพื่อจะพาไปข่มขืนกระทำชำเรา โดยร่วมกันฉุดขึ้นรถที่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และพานางสามไปข่มขืนที่อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ 2 คืน และยังพาไปข่มขืนที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนอีก 3 คืน ดังนี้พนักงานสอบสวนท้องที่ใดมีอำนาจสอบสวนคดีอาญาที่เกิดขึ้น
 ก.พงส.เด่นชัย
 ข.พงส.เด่นชัย พนง.แม่ริม และ พงส.ปาย
 ค.พงส.ทุกท้องที่นายหนึ่งและนายสองได้ขับรถผ่าน
 ง.พนง.ที่ถูกจับได้ก่อน




ข้อที่ 18: นายหนึ่งร่วมกับนายสอง ฉุดนางสามเพื่อจะพาไปข่มขืนกระทำชำเรา โดยร่วมกันฉุดขึ้นรถที่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และพานางสามไปข่มขืนที่อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ 2 คืน และยังพาไปข่มขืนที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนอีก 3 คืน หลังจากนั้นนางสามได้เข้าร้องทุกข์ที่ สภ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ดังนี้พนักงานสอบสวนท้องที่ใดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
 ก.พงส.ท้องที่ความผิดได้เกิดขึ้น คือ เด่นชัย แม่ริม และปาย
 ข.พงส.ท้องที่จับผู้ต้องหาได้
 ค.พงส.ท้องที่พบการกระทำความผิดเกิดขึ้น คือ สภ.ปาย
 ง.พงส.ท้องที่ผู้ต้องหามี่ที่อยู่หรือถูกจับได้




ข้อที่ 19: นายหนึ่งร่วมกับนายสอง ฉุดนางสามเพื่อจะพาไปข่มขืนกระทำชำเรา โดยร่วมกันฉุดขึ้นรถที่ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และพานางสามไปข่มขืนที่อำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ 2 คืน และยังพาไปข่มขืนที่ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนอีก 3 คืน หลังจากนั้นนางสามได้เข้าร้องทุกข์ที่ สภ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากร้องทุกข์แล้วตำรวจ สภ.แม่ริม จับตัวผู้ต้องหาได้

ดังนี้พนักงานสอบสวนท้องที่ใดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
 ก.สภ.ปาย
 ข.สภ.แม่ริม
 ค.สภ.ปายและ สภ.แม่ริม
 ง.สภ.ปาย แม่ริม และ สภ.เด่นชัย




ข้อที่ 20: พงส. สภ.อ.สามเงา จังหวัดตาก ได้รับแจ้งจากสายตรวจว่าพบศพหญิงไม่ทราบชื่อลอยติดโขดหินบริเวณริมแม่น้ำปิง จากการสืบสวนพบว่าหญิงดังกล่าวชื่อดำ มีภูมิลำเนาอยู่ อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยพบหอพักของนางดำถูกรื้อค้นและมีร่อยรอยการต่อสู้อีกทั้งยับพบรอยเลือดจำนวนมาก หลังจากนั้นห้าวัน ตำรวจ สภ.อ.แพร่ ได้จับกุมนายแดงแฟนหนุ่มผู้ต้องสงสัยได้

ดังนี้ พงส.ท้องที่ใดมีอำนาจในการสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น

 ก.พงส.สภ.อ.สามเงา
 ข.พงส.สภ.อ.สามเงา และ สภ.เมือง เชียงใหม่
 ค.พงส.สภ.อ.สามเงา และ สภ.เมือง เชียงใหม่ และ สภ.อ.แพร่

 ง.พงส.ทุก สภ.ที่ขับรถผ่าน




ข้อที่ 21: พงส. สภ.อ.สามเงา จังหวัดตาก ได้รับแจ้งจากสายตรวจว่าพบศพหญิงไม่ทราบชื่อลอยติดโขดหินบริเวณริมแม่น้ำปิง จากการสืบสวนพบว่าหญิงดังกล่าวชื่อดำ มีภูมิลำเนาอยู่ อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยพบหอพักของนางดำถูกรื้อค้นและมีร่อยรอยการต่อสู้อีกทั้งยับพบรอยเลือดจำนวนมาก เป็นที่แน่ชัดว่าถูกฆ่าตายและนำศพมาทิ้งที่ริมแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนั้นห้าวัน ตำรวจ สภ.อ.แพร่ ได้จับกุมนายแดงแฟนหนุ่มผู้ต้องสงสัยได้

ดังนี้ พงส.ท้องที่ใดเป็น พงส.ผู้รับผิดชอบ
 ก.พงส. สภ.อ.สามเงา
 ข.พงส. สภ.เมืองเชียงใหม่
 ค.พงส. สภ.เมืองแพร่
 ง.พงส.สภ.เมืองเชียงใหม่และ สภ.เมืองแพร่




ข้อที่ 22: หากปรากฎว่านอกเขตกรุงเทพมหานคร กรณีจังหวัดเดียวกันมีพนักงานสอบสวนหลายท้องที่มีอำนาจสอบสวนคดีอาญาที่เกิดขึ้น จะต้องชี้ขาดว่าพนักงานสอบสวนท้องที่ใดเป็นผู้รับผิดชอบ คือ ผู้ใด
 ก.ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมือง
 ข.ผู้กำกับการตำรวจภาค
 ค.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
 ง.ผู้ว่าราชการจังหวัด




ข้อที่ 23: พนักงานสอบสวน สภ.ดอกคำใต้ เชื่อว่าคดีเกิดขึ้นในท้องที่ของตน แต่ว่าความจริงคดีได้เกิดขึ้นใน สภ.เมือง ดังนี้จะพนักงานสอบสวน สภ.ดอกคำใต้ จะมีอำนาจสอบสวนคดีนี้หรือไม่




 ก.มี เพราะเป็นท้องที่เชื่อว่าความผิดได้เกิดขึ้นในท้องที่ต้น
 ข.ไม่มี เพราะไม่ท้องที่ความผิดได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจตน




ข้อที่ 24: มีการแจ้งพบศพหญิงลอยมาตามแม่น้ำอิง บริเวณ อำเภอแม่ใจ และพบรถยนต์ของผู้ตายจอดอยู่ริมกว๊านพะเยา อำเภอเมืองพะเยา นอกจากนี้ยังมีผู้แจ้งอีกว่าหญิงคนดังกล่าวได้เช่าหอพักอยู่ อ.เมือง จังหวัดเชียงรายก่อนมีการพบศพ เห็นผู้ตายถูกฉุดขึ้นรถบริเวณหน้าหอพัก ดังนี้พนักงานสอบสวนท้องที่ใดมีอำนาจสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น
 ก.สภ.แม่ใจ
 ข.สภ.เมืองพะเยา
 ค.สภ.แม่ใจ สภ.เมืองพะเยา
 ง.สภ.แม่ใจ สภ.เมืองพะเยา และ สภ.เมืองเชียงราย




ข้อที่ 25: มีการแจ้งพบศพหญิงลอยมาตามแม่น้ำอิง บริเวณ อำเภอแม่ใจ และพบรถยนต์ของผู้ตายจอดอยู่ริมกว๊านพะเยา อำเภอเมืองพะเยา นอกจากนี้ยังมีผู้แจ้งอีกว่าหญิงคนดังกล่าวได้เช่าหอพักอยู่ อ.เมือง จังหวัดเชียงรายก่อนมีการพบศพ เห็นผู้ตายถูกฉุดขึ้นรถบริเวณหน้าหอพัก หลังจากสืบสวนตำรวจได้จับกุมนายดำผู้สงสัยได้ที่ สภ.แม่สาย

ดังนี้ พงส.แม่สายมีอำนาจสอบสวนคดีที่เกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร
 ก.มี เพราะเป็นที่ท้องที่ความผิดเกิดขึ้น
 ข.มี เพราะเป็นท้องที่จับผู้ต้องหาได้
 ค.ไม่มี เพราะไม่ใช่ท้องที่ความผิดเกิดขึ้น
 ง.ไม่มี เพราะไม่ใช่ท้องที่ที่เป็นที่อยู่ของผู้ต้องหา




ข้อที่ 26: นายหนึ่งมีที่อยู่ อ.เมืองจังหวัดพะเยา ได้ฝากสร้อยพระสมเด็จไว้กับนายสองที่ อ.งาว จังหวัดลำปาง ต่อมานายหนึ่งได้ทวงถามสร้อยพระดังกล่าวที่ อ.พาน จ.เชียงราย นายสองปฏิเสธว่าไม่เคยรับฝากจากนายหนึ่ง ดังนี้ พงส.ท้องที่ใดมีอำนาจสอบสวน
 ก.สภ.งาว
 ข.สภ.พาน
 ค.สภ.งาว และสภ.พาน
 ง.สภ.งาว สภ.พาน และ สภ.เมืองพะเยา




ข้อที่ 27: นายหนึ่งได้ฝากสร้อยพระสมเด็จไว้กับนายสองที่ อ.งาว จังหวัดลำปาง ต่อมานายหนึ่งได้ทวงถามสร้อยพระดังกล่าวที่ อ.พาน จ.เชียงราย นายสองปฏิเสธว่าไม่เคยรับฝากจากนายหนึ่ง โดยนายสองมีถิ่นที่อยู่ที่ อ.เมือง จ.พะเยา ดังนี้ พงส.ท้องที่ใดเป็น พงส.ผู้รับผิดชอบ
 ก.สภ.งาว
 ข.สภ.พาน
 ค.สภ.เมืองพะเยา
 ง.สภ.งาว สภ.พาน และสภ.เมืองพะเยา




ข้อที่ 28: นายแดงได้ลักทรัพย์ของนายดำบนรถไฟความเร็วต่ำ ซึ่งแล่นจาก จังหวัดลำปางไปจังหวัดพิษณุโลก เมื่อ อ.เมือง จังหวัดพิษณุโลก นายดำรู้ว่าทรัพย์ของจนเองหายไป จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ส.ภ.เมืองพิษณุโลก

พงส.ท้องที่ใดมีอำนาจสอบสวนคดีที่เกิดขึ้น
 ก.สภ.เมืองพิษณุโลก
 ข.สภ.ลำปาง
 ค.สภ.ลำปาง และสภ.พิษณุโลก
 ง.สภ.ทุกท้องที่ที่รถไฟแล่นผ่าน




ข้อที่ 29: นายแดงได้ลักทรัพย์ของนายดำบนรถไฟความเร็วต่ำ ซึ่งแล่นจาก จังหวัดลำปางไปจังหวัดพิษณุโลก เมื่อ อ.เมือง จังหวัดพิษณุโลก นายดำรู้ว่าทรัพย์ของจนเองหายไป จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ส.ภ.เมืองพิษณุโลก

พงส.ท้องที่ใดเป็น พงส.ผู้รับผิดชอบ
 ก.สภ.พิษณุโลก
 ข.สภ.ลำปาง
 ค.สภ.พิษณุโลก และสภ.ลำปาง
 ง.ทุก สภ.ที่รถไฟแล่นผ่าน




ข้อที่ 30: นายแดงได้ลักทรัพย์ของนายดำบนรถไฟความเร็วต่ำ ซึ่งแล่นจาก จังหวัดลำปางไปจังหวัดพิษณุโลก เมื่อ อ.เมือง จังหวัดพิษณุโลก นายดำรู้ว่าทรัพย์ของจนเองหายไป จึงเข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน ส.ภ.เมืองพิษณุโลก ต่อมานายแดงถูกจับได้ที่ อ.เมือง จ.แพร่

พงส.ท้องที่ใดเป็นผู้รับผิดชอบ
 ก.สภ.ลำปาง
 ข.สภ.พิษณุโลก
 ค.สภ.เมืองแพร่
 ง.สภ.เมืองพิษณุโลก และ สภ.เมืองแพร่




ข้อที่ 31: อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนมา ครั้นสืบพยานโจทก์ไปได้ 2 ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นว่า จำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยพนักงานสอบสวนยังมิได้มีการสอบสวนในความผิดฐานปล้นทรัพย์ อัยการจะมีอำนาจฟ้องในคดีดังกล่าวหรือไม่
 ก.มี เพราะมีการสอบสวนความผิดฐานลักทรัพย์มาก่อนแล้ว
 ข.มี เพราะเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องซึ่งอัยการสามารถทำได้
 ค.ไม่มี เพราะถือว่าความผิดฐานปล่นทรัพย์ไม่เคยมีการสอบสวนมาก่อน
 ง.ไม่มี เพราะอัยการไม่มีอำนาจขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้




ข้อที่ 32: อัยการยื่นฟ้องจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ตาม ป.อาญามาตรา 295 ซึ่งได้มีการสอบสวนโดยชอบมาตลอด ในชั้นพิจารณาคดีของศาลปรากฎว่าดวงตาของผู้เสียหายได้บาดจนไม่สามารถรักษาให้หายได้ เป็นอันตรายสาหัสตาม มาตรา 297 พนักงานอัยการจึงยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้อง เพื่อขอให้ศาลลงโทษจำเลยในความผิดตาม ป.อาญา มตรา 297 ดังนี้อัยการจะขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องในความผิดดังกล่าวได้หรือไม่
 ก.ได้ เพราะในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้มีการสอบสวนมาโดยชอบ
 ข.ได้ เพราะแก้มาตราลงโทษจาก 295 เป็น 297
 ค.ไม่ได้ เพราะถือว่าไม่มีการสอบสวนในความผิดตาม มาตรา 297 มาก่อน
 ง.ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมโทษให้หนักขึ้น




ข้อที่ 33: ข้อใดดังต่อไปนี้ที่พนักงานสอบสวนมีอำนาจปฏิเสธไม่ทำการสอบสวน
 ก.ผู้เสียหายขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ยอมร้องทุกข์ตามระเบียบ
 ข.ผู้เสียหายฟ้องคดีเสียเองโดยมิได้ร้องทุกข์ก่อน
 ค.บุคคลที่กล่าวโทษด้วยปากไม่ยอมบอกว่าเขาคือใคร
 ง.ถูกทุกข้อ




ข้อที่ 34: นายหนึ่งเป็นผู้จัดการร้านของบริษัท พะเยา การค้าจำกัด ได้หลอกขายสินค้าแพงกว่าราคาที่บริษัทกำหนด และเอาเงินส่วนต่างจากราคาที่แท้จริงไป เมื่อบริษัท พะเยาการค้า จำกัดทราบเรื่องจึงให้ นายสองกรรมการผู้จัดการของบริษัท เข้าร้องทุกข์ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ต่อพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเยาได้ทำการสอบสวนจนเสร็จและส่งสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องนายหนึ่งต่อศาลให้อัยการจังหวัดพะเยา นายสามพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนจึงฟ้องคดีนายหนึ่งต่อศาลในความผิดฐานยักยอกทรัพย์

ดังนี้การฟ้องคดีดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
 ก.ชอบ เพราะมีการสอบสวนความผิดแล้ว
 ข.ชอบ เพราะสอบสวนโดยพนักงานสอบผู้มีอำนาจสอบสวน
 ค.ไม่ชอบ เพราะผู้ที่ร้องทุกข์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
 ง.ไม่ชอบ เพราะพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน




ข้อที่ 35: บุคคลใดดังต่อไปนี้มีอำนาจร้องทุกข์ตามกฎหมาย
 ก.นายแดงถูกล้วงกระเป๋าสตางค์ในงานวัดแห่งหนึ่ง
 ข.นายดำสามีของนางเขียวที่ถูกข่มขืนกระทำชำเราร้องทุกข์โดยได้รับความยินยอม
 ค.นายม่วงได้รับมอบอำนาจให้ร้องทุกข์แทนนายฟ้าที่ถูกทำร้ายร่างกาย
 ง.ถูกทุกข้อ




ข้อที่ 36: นายหนึ่งถูกนายสองฉ้อโกงเงินไปหนึ่งหมื่นบาท นายหนึ่งได้ไปทวงถามหลายครั้งให้นายสองคืนเงิน นายสองก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนเงิน นายหนึ่งจึงเข้าไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยกล่าวกับพนักงานสอบสวนว่า มาแจ้งความเพื่อให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันว่าตนไม่ได้ประสงค์จะไม่ดำเนินคดี แต่หากนายสองไม่จ่ายเงินคืน จะดำเนินคดีอาญากับนายสองในอนาคต ต่อมาปรากฎว่านายสองไม่จ่ายเงินคืน นายหนึ่งจึงได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีนายหนึ่ง พนักงานสอบสวนจึงได้เรียกตัวนายหนึ่งไปสอบสวน

พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนคดีดังกล่าวหรือไม่
 ก.มี เพราะมีการร้องทุกข์โดยผู้เสียหายแล้ว
 ข.มี เพราะคดีอาญาแผ่นดินไม่จำต้องมีผู้ใดร้องทุกข์
 ค.ไม่มี เพราะไม่มีการร้องทุกข์
 ง.ไม่มี เพราะไม่มีการกระความผิดอาญาเกิดขึ้น




ข้อที่ 37: ผู้เสียหายจะร้องทุกข์ได้ภายในระยะเวลาใด
 ก.ก่อนคดีขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาล
 ข.ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา
 ค.ก่อนคดีเสร็จเด็ดขาด
 ง.ก่อนคดีถึงที่สุด




ข้อที่ 38: อัยการได้ยืนฟ้องจำเลยต่อศาลในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ต่อมาผู้เสียหายได้ถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน



พนักงานอัยการจะยังสามารถดำเนินคดีอาญาต่อไปได้หรือไม่
 ก.ได้ เพราะการถอนคำร้องทุกข์ไม่ส่งผลต่อการอำนาจฟ้องคดี
 ข.ได้ เพราะคดีอยู่ในชั้นพิจารณาคดีของศาลผู้เสียหายต้องไปถอนคำร้องทุกข์ต่อศาล ดังนั้นเมื่อถอนคำร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนจึงเป็นการถอนคำร้องทุกข์ที่ไม่ชอบ
 ค.ไม่ได้ เพราะถือว่ามีการถอนคำร้องทุกข์โดยชอบแล้ว
 ง.ไม่ได้ เพราะถือว่าไม่มีการสอบสวนความผิดมาก่อน




ข้อที่ 39: ในดคีอาญาเรื่องหนึ่งร้อยตำรวจเอกชาติชายได้รับมอบตัวนายแดงซึ่งราษฏรช่วยกันจับได้ ขณะที่กำลังลักทรัพย์ของคนในหมู่บ้าน ร้อยตำรวจได้สอบถามรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนายแดง เมื่อถามเสร็จแล้วจึงได้ทำการสอบสวนนายแดงในความผิดฐานลักทรัพย์โดยไม่แจ้งข้อหาให้นายแดงทราบว่า นายแดงถูกต้องข้อหาว่ากระทำความผิดฐานใด

ดังนี้การสอบสวนดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
 ก.ชอบ เพราะมีการถามรายละเอียดเกี่ยวกับนายแดงแล้ว
 ข.ชอบ เพราะสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจ
 ค.ไม่ชอบ เพราะไม่มีการแจ้งสิทธิตามกฎหมาย
 ง.ไม่ชอบ เพราะไม่มีการแจ้งข้อหาให้นายแดงทราบ




ข้อที่ 40: ข้อใดต่อไปนี้คือความแตกต่างระหว่าง คำร้องทุกข์ และคำกล่าวโทษ
 ก.คำร้องทุกข์เป็นการทำให้เกิดการสอบสวนความผิดอาญาเกิดขึ้น แต่การกล่าวโทษทำให้เกิดการสืบสวนความผิดเท่านั้น
 ข.คำร้องทุกข์เป็นใช้ในกรณีความผิดต่อส่วนตัว แต่คำกล่าวโทษเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน
 ค.คำร้องทุกข์ผู้เสียหายเท่านั้นมีอำนาจร้องทุกข์ แต่คำกล่าวโทษต้องไม่ใช่ผู้เสียหาย
 ง.คำร้องทุกข์ต้องร้องทุกข์ภายในกำหนดเวลา 3 เดือน แต่คำกล่าวโทษไม่มีจำกัดเวลาในการกล่าวโทษ





หากต้องการต้นฉบับพร้อมเฉลย ติดต่ออีเมล chalermwut.up@gmail.com ชุดละ 50 บาทครับ

Monday 22 February 2016

ข้อสอบวิชากฎหมายลักษณะพยานหลักฐาน ชุดที่ 1


 วิชากฎหมายลักษณะพยานหลักฐาน ชุดที่ 1
ออกข้อสอบโดย เฉลิมวุฒิ สาระกิจ
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา



คำถามข้อที่: 1: ข้อใดต่อไปนี้ต้องใช้พยานหลักฐานในการพิสูจน์
   ก. ข้อกฎหมาย
   ข. ข้อเท็จจริง
   ค. คดีขาดอายุ
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 2: พยานหลักฐานในสำนวน หมายถึงข้อใดดังต่อไปนี้
   ก. สิ่งที่สามารถให้ข้อเท็จจริงแก่ศาล
   ข. พยานหลักฐานที่คู่ความนำเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในประเด็นแห่งคดีเท่านั้น
   ค. พยานหลักฐานที่ศาลยอมรับหรือยอมให้นำสืบได้เท่านั้
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 3: ระบบการพิจารณาคดีที่ผู้มีอำนาจปกครองต้องไต่สวนหาความจริง โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะมีผู้ใดมากล่าวหาหรือไม่ คือระบบการพิจารณาคดีใดดังต่อไปนี้
   ก. ระบบกล่าวหา
   ข. ระบบไต่สวน
   ค. ระบบต่อสู้
   ง. ระบบจารีตนครบาล




คำถามข้อที่: 4: ระบบการพิจารณาคดีใดที่ศาลมีบทบทสำคัญในการพิจารณาคดี มีอำนาจในการสืบพยานเพิ่มเติมหรืองดสืบพยานได้
   ก. ระบบกล่าวหา
   ข. ระบบไต่สวน
   ค. ระบบต่อสู้
   ง. ระบบจารีตนครบาล




คำถามข้อที่: 5: ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับระบบการพิจาารณาคดีแบบไต่สวน
   ก. การพิจารณาคดีโดยเฉพาะในคดีอาญา จะมีลักษณะเป็นการดำเนินคดีระหว่างศาลกับจำเลย โจทก์ไม่มีบทบาทสำคัญ
   ข. มักจะไม่มีกฎเกณฑ์การสืบพยานที่เคร่งครัดมากนัก โดยเฉพาะไม่มีบทตัดพยาน (Exclusionary rule) ที่เด็ดขาด
   ค. ผู้ไต่สวนมึบทบาทในการค้นหาความจริงในคดีและคุ้มครองสิทธิของผู้ถูกไต่สวนไปพร้อมกัน
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 6: ระบบการพิจารณาคดีใดที่มีแนวความมาจากการที่ประชาชนคนหนึ่งนำข้อพิพาทมาฟ้องร้องว่ากล่าวบุคคลอีกคนหนึ่งต่อผู้มีอำนาจ
   ก. ระบบกล่าวหา
   ข. ระบบไต่สวน
   ค. ระบบจารีตนครบาล
   ง. ระบบค้นหาความจริงโดยศาล




คำถามข้อที่: 7: ข้อใดดังต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับระบบกล่าวหา
   ก. ศาลจะวางตัวเป็นกลาง (Passive) เพื่อควบคุมกติกาอย่างเคร่งครัด
   ข. ไมมีอำนาจในการสืบพยานเพิ่มเติมหรือตัดพยาน
   ค. มีหลักเกณฑ์การนำพยานหลักฐานมาสืบเคร่งครัด
   ง. ไม่มีข้อถูก




คำถามข้อที่: 8: ระบบการพิจารณาคดีใดที่ศาลมีบทบาทในการค้นหาความจริงในการพิจารณาคดีอย่างมาก
   ก. ระบบกล่าวหา
   ข. ระบบไต่สวน




คำถามข้อที่: 9:

ระบบการพิจารณาคดีใดที่มีลักษณะเป็นการต่อสู้กันของคู่ความ
   ก. ระบบกล่าวหา
   ข. ระบบไต่สวน




คำถามข้อที่: 10: ศาลไทยใช้ระบบการพิจารณาคดีใดมาใช้ในการพิจารณาคดีในศาล
   ก. ระบบกล่าวหา
   ข. ระบบไต่สวน
   ค. ศาลยุติธรรมใช้ระบบกล่าวหา และศาลปกครองใช้ระบบไต่สวน
   ง. ศาลยุติธรรมใช้ระบบไต่สวน และศาลปกครองใช้ระบบกล่าวห่




คำถามข้อที่: 11: พยานถ้อยคำ Oral Evidence หมายถึงข้อใดต่อไปนี้


   ก. พยานบุคคล
   ข. พยานเอกสาร
   ค. พยานวัตถุ
   ง. พยานแวดล้อม




คำถามข้อที่: 12: ในคดีอาญา พยานชนิดใดมีความสำคัญมากที่สุด
   ก. พยานบุคคล
   ข. พยานเอกสาร
   ค. พยานวัตถุ
   ง. พยานแวดล้อม




คำถามข้อที่: 13: พยานหลักฐานที่มีความสำคัญในดคีแพ่ง คือ พยานหลักฐานชนิดใด
   ก. พยานบุคคล
   ข. พยานเอกสาร
   ค. พยานวัตถุ
   ง. พยานแวดล้อม




คำถามข้อที่: 14: มีด ปืน ยาเสพย์ติดของกลาง บาดแผลของผู้เสียหาย คือ พยานหลักฐานชนิดใด
   ก. พยานบุคคล
   ข. พยานเอกสาร
   ค. พยานวัตถุ
   ง. พยานแวดล้อม




คำถามข้อที่: 15: ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ พยานโดยตรง
   ก. พยานที่ไม่ได้แสดงถึงข้อเท็จจริงที่พิสูจน์โดยตรง แต่อาจทำให้ศาลอนุมานได้ว่าข้อเท็จจริงที่คู่ความประสงค์จะพิสูจน์มีอยู่จริงหรือไม่มี
   ข. พยานที่มาเบิกความให้ข้อเท็จจริงแก่ศาลตามที่ตนได้รับรู้มาจากประสาทของตน มิใช่รู้มาจากการบอกเล่าของผู้อื่น
   ค. พยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นข้อเท็จจริงที่จะพิสูจน์ได้โดยตรง
   ง. ไม่มีข้อถูก




คำถามข้อที่: 16: คำเบิกความของพยานว่าเห็นจำเลยถือมีดเปื้อนเลือดวิ่งออกมาจากในบ้าน เป็นพยานหลักฐานชนิดใด
   ก. พยานโดยตรง
   ข. ประจักษ์พยาน
   ค. พยานแวดล้อมกรณี
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 17: พยานที่มาเบิกความให้ข้อเท็จจริงแก่ศาลตามที่ตนได้รับรู้มาจากประสาทของตน มิใช่รู้มาจากการบอกเล่าของผู้อื่น คือพยานหลักฐานชนิดใด
   ก. พยานโดยตรง
   ข. ประจักษ์พยาน
   ค. พยานบุคคล
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 18: ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถูกต้องเกี่ยวกับพยานบอกเล่า
   ก. ไม่อาจถูกถูกซักค้านได้
   ข. เป็นพยานที่ไม่น่าเชื่อถือ (Unreliable)
   ค. มีได้แต่เฉพาะพยานบุคคล
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 19: นายแดงเห็นนายเอเอามีดแทงนายบี แล้ววิ่งหนีออกไปทางหลังบ้าน นายดำเห็นนายเอถือมีดที่เปื้อนเลือดวิ่งออกมาจากบ้านอย่างมีพิรุธ สงสัยว่านายเอจะเป็นคนฆ่านายบี จึงเอาเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้นายขาวฟัง

นายแดงเป็นพยานหลักฐานชนิดใด
   ก. ประจักษ์พยาน
   ข. พยานแวดล้อม
   ค. พยานบอกเล่า
   ง. ไม่มีข้อถูก




คำถามข้อที่: 20: นายแดงเห็นนายเอเอามีดแทงนายบี แล้ววิ่งหนีออกไปทางหลังบ้าน นายดำเห็นนายเอถือมีดที่เปื้อนเลือดวิ่งออกมาจากบ้านอย่างมีพิรุธ สงสัยว่านายเอจะเป็นคนฆ่านายบี จึงเอาเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้นายขาวฟัง

นายดำเป็นพยานหลักฐานชนิดใด
   ก. ประจักษ์พยาน
   ข. พยานแวดล้อมกรณี
   ค. พยานบอกเล่า
   ง. ไม่มีข้อถูก




คำถามข้อที่: 21: เหตุที่กฎหมายกำหนดให้ต้องนำฉบับเอกสารมาสืบเท่านั้น ห้ามมิให้นำสำเนาเอกสารมาสืบแทนหรือหักล้างต้นฉบับ
   ก. เพราะต้นฉบับเอกสารมีความถูกต้องแท้จริง
   ข. เพราะต้นฉบับย่อมน่าเชื่อถือกว่าสำเนา
   ค. เพราะต้นฉบับเป็นเอกสารที่หาง่าย
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 22: เหตุใดในคดีอาญาจึงไม่มีการชี้สองสถาน


   ก. เพราะคดีอาญาไม่มีการยื่นคำให้การเป็นหนังสือ
   ข. เพราะคดีอาญาไม่มีประเด็นซับซ้อนเหมือนคดีแพ่ง
   ค. เพราะคดีอาญา เป็นคดีที่โจทก์ต้องนำสืบทุกคดี
   ง. เพราะคดี่อาญา ไม่มีการยื่นบัญชีระบุพยาน




คำถามข้อที่: 23: ประเด็นแห่งคดี เกิดขึ้นได้จากสาเหตุใด
   ก. เกิดขึ้นได้จากคำฟ้องของโจทก์เท่านั้น
   ข. เกิดขึ้นได้จากคำให้การของจำเลยเท่านั้น
   ค. เกิดขึ้นได้ทั้งจากคำฟ้อง และคำให้การของจำเลย
   ง. เกิดขึ้นได้ทั้งจากคำฟ้อง และคำให้การของจำเลย และคำแถลงของคู่ความด้วย




คำถามข้อที่: 24: แดงฟ้องว่าดำกู้ยืมเงินไป 100,000 บาท โดยแดงได้ทวงถามดำไปแล้ว แต่ดำปฏิเสธไม่ชำระหนี้ ดำให้การว่า ดำได้กู้ยืมเงินของแดงไปจริง 100,000 บาท แต่ดำได้ชำระหนี้ให้นายแดงแล้ว

ในคดีดังกล่าเกิดประเด็นข้อพิพาทหรือไม่ อย่างไร
   ก. ไม่เกิดประเด็นข้อพิพาท เนื่องจากนายดำได้รับว่ากู้เงินไปจริง
   ข. ไม่เกิดประเด็นข้อพิพาท นายดำไม่ได้ปฏิเสธ
   ค. เกิดประเด็นข้อพิพาท เพราะนายดำได้ต่อสู้ว่าชำระหนี้แล้ว
   ง. เกิดประเด็นข้อพิพาท เพราะนายต่อสู้ว่าหนี้ตามสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย




คำถามข้อที่: 25: ข้อใดต่อไปนี้คือลักษณะของคำฟ้องคดีแพ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
   ก. จะต้องแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา
   ข. ต้องมีคำขอให้ศาลบังคับ
   ค. ต้องมีข้ออ้างที่เป็นหลักฐานแห่งข้อหา
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 26: ข้อใดต่อไปนี้กล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาท
   ก. ประเด็นแห่งคดีที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้างแต่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่รับ
   ข. ประเด็นที่เป็นปัญหาที่คู่ความยังโต้เถียงกันอยู่
   ค. ประเด็นที่จำเลยไม่ได้ให้การถึงไม่อาจตั้งเป็นประเด็นข้อพิพาทได้
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 27: โจทก์ฟ้องให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ฐานกระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยบรรยายฟ้องว่า นายแดงลูกจ้างของจำเลยได้ขับรถไปในทางการที่จ้างด้วยความเร็วสูงเป็นเหตุให้ชนกับรถโจทก์เสียหายเป็นเงิน 10,000 บาท จำเลยให้การต่อสู้ปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่า นายแดงไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลย จึงไม่ได้ขับรถไปในทางการที่จ้าง และไม่ได้ขับรถด้วยความเร็วจนชนรถของโจทก์ โจทก์ต่างหากที่ขับรถตัดหน้านายแดงโดยกะทันหัน 



ดังนี้คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทอย่างไร และคู่ความฝ่ายใดนำสืบ


   ก. นายแดงทำละเมิดโจทก์หรือไม่ โจทก์นำสืบ
   ข. นายแดงทำละเมิดโจทก์หรือไม่ และนายแดงเป็นลูกจ้างได้กระทำในทางการที่จ้างหรือไม่ โจทก์นำสืบ
   ค. นายแดงเป็นลูกจ้างได้กระทำในทางการที่จ้างหรือไม่ จำเลยนำสืบ
   ง. นายแดงทำละเมิดโจทก์หรือไม่ และนายแดงเป็นลูกจ้างได้กระทำในทางการที่จ้างหรือไม่ จำเลยนำสืบ




คำถามข้อที่: 28: กระบวนการที่ศาลกำหนดประเด็นข้อพิพาทและหน้าที่นำสืบของคู่ความหลังจากที่จำเลยได้ยื่นคำให้การแก้ฟ้องโจทก์แล้ว คือกระบวนการใดดังต่อไปนี้
   ก. นัดพร้อม
   ข. ชี้สองสถาน
   ค. ไต่สวนมูลฟ้อง
   ง. สืบพยาน




คำถามข้อที่: 29: ข้อใดดังต่อไปนี้เกิดขึ้นในวันชี้สองสถาน
   ก. การสอบถามของศาลหรือการแถลงของคู่ความ
   ข. คู่ความแถลงกันบางประเด็นหรืออาจแถลงรับประเด็นข้อพิพาทบางประเด็น
   ค. ศาลสอบถามคู่ความเพื่อให้ความชัดเจนในประเด็นข้อพาท
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 30: ในกรณีที่ศาลได้นัดคู่ความาวันชี้สองสถานหากคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาในวันดังกล่าวจะมีผลทางกฎหมายอย่างไร


   ก. หากฝ่ายที่ไม่มาเป็นโจทก์ ให้ศาลยกฟ้อง
   ข. หากฝ่ายใดไม่มาศาลในวันชี้สองสถานให้ถือว่าไม่มีการปฏิเสธคำคู่ความของอีกฝ่าย
   ค. คู่ความไม่มาศาลในวันชี้สองสถาน ศาลก็จะทำการชี้สองสถานไปโดยถือว่าคู่ความฝ่ายนั้นได้ทราบการชี้สองสถานแล้ว
   ง. ให้ศาลนัดวันชี้สองสถานใหม่ ภายใน 7 วัน




คำถามข้อที่: 31: นายหนึ่งเป็นจำเลยในคดีแพ่งเรื่องหนึ่ง โดยศาลได้นัดนายหนึ่งไปศาลเพื่อชี้สองสถาน นายหนึ่งทราบนัดดังกล่าวดี แต่ตื่นสายทำให้ไปไม่ทันเวลาที่ศาลนัด ปรากฏว่าศาลได้ทำการชี้สองสถานโดยกำหนดให้นายหนึ่งนำพยานหลักฐานเข้าสืบก่อน นายจะคัดค้านการกำหนดหน้าที่นำสืบดังกล่าวที่ศาลกำหนดไว้ได้หรือไม่ อย่างไร
   ก. ได้ เพราะเป็นการกำหนดหน้าที่นำสืบไม่ถูกต้อง
   ข. ได้ เพราะถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ
   ค. ไม่ได้ เพราะนายหนึ่งไม่มาศาลในวันดังกล่าวโดยไม่ปรากฏเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้
   ง. ไม่ได้ เพราะต้องยื่นคำร้องขอให้มีการกำหนดประเด็นข้อพาทและหน้าทีนำสืบก่อนศาลกำหนดประเด็นข้อพิพาทเสร็จ




คำถามข้อที่: 32: ปัญหาที่ศาลไม่จำต้องสืบพยาน โดยศาลสามารถวินิจฉัยได้เอง คือ ข้อใดดังต่อไปนี้
   ก. ปัญหาเกี่ยวกับฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย
   ข. ปัญหาเเกี่ยวกับอายุความ
   ค. ปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 33: นายแดงผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในคดีผิดสัญญาเช่่าของนายหนึ่งที่เป็นโจทก์ฟ้องนายสองเป็นจำเลย ได้ไปนั่งทานกาแฟในร้านแห่งหนึ่ง และแอบได้ยินนายหนึ่งโจทก์ในคดีได้พูดคุยกับนายสามว่า จริงๆแล้วนายสองไม่ได้ผิดสัญญาแต่ตัวเองอยากเอาไปให้คนอื่นที่ให้ค่าเช่าสูงเช่ามากกว่า เลยฟ้องนายสองต่อศาล

ดังนี้นายแดงจะนำถ้อยคำดังกล่าวไปไว้ในสำนวนพิจารณาคดีได้หรือไม่
   ก. ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลรับรู้เอง
   ข. ได้ เพราะเป็นถ้อยคำที่นายหนึ่งได้เบิกความออกมาด้วยความสมัครใฝจ
   ค. ไม่ได้ เพราะไม่ได้เบิกความต่อนายหนึ่งโดยตรง
   ง. ไม่ได้ เพราะถือเป็นพยานที่คู่ความไม่ได้นำมาสืบในศาล




คำถามข้อที่: 34: ข้อเท็จจริงที่ไม่ต้องพิสูจน์ด้วยพยานหลักฐาน
   ก. ข้อเท็จจริงซึ่งรู้กันอยู่ทั่วไป
   ข. ข้อเท็จจริงซึ่งไม่อาจโต้แย้งได้
   ค. ข้อเท็จจริงที่คู่ความรับหรือถือว่ารับกันแล้วในศาล
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 35: ข้อใดดังต่อไปนี้ไม่ถือว่าจำเลยในคดีแพ่งรับคำคู่ความ
   ก. จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด
   ข. จำเลยยื่นคำให้การ โดยไม่ได้ปฏิเสธ
   ค. คำให้การของจำเลยไม่ได้ให้การถึงประเด็นที่อยู่ในคำฟ้องของโจทก์
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 36: ในคดีแพ่ง หากจำเลยให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์โดยชัดแจ้ง เพียงแต่ไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธจะมีผลในทางกฎหมายอย่างไร
   ก. ถือว่าเลยรับทุกประเด็น
   ข. ถือว่าจำเลยรับในประเด็นที่ไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธ
   ค. ถือว่าจำเลยปฏิเสธ แต่ไม่มีสิทธินำพยานหลักฐานเข้าสืบ
   ง. ถือว่าจำเลยปฏิเสธ และมีสิทธินำพยานหลักฐานเข้าสืบ แต่ต้องสืบหลังโจทก์เสมอ




คำถามข้อที่: 37: ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับคำท้า
   ก. คดีแพ่งและคดีอาญา คู่ความย่อมท้ากันได้
   ข. คำถ้าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเด็นแห่งคดี
   ค. คำท้าเป็นเรื่องใดก็ได้ เพียงแต่คู่ความอีกฝ่ายต้องยินยอม
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 38: ข้อสันนิษฐานตามกฎหมายในข้อใดต่อไปนี้ที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งไม่อาจหักล้างได้
   ก. ปพพ. มาตรา 17 ?ในกรณีบุคคลหลายคนตายในเหตุภยันตรายร่วมกัน ถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่จะกำหนดได้ว่าคนไหนตายก่อนหลัง ให้ถือว่า ตายพร้อมกัน?
   ข. มาตรา 6 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต
   ค. ปพพ. มาตรา 1369 บุคคลใดยึดถือทรัพย์สินไว้ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นยึดถือเพื่อตน
   ง. ถูกทุกข้อ




คำถามข้อที่: 39: วันที่ 11 ธันวาคม พ.. 2558 นายหนึ่งได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสองจำเลยที่ 1 และนายสามเป็นจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยร่วมกันต่อศาล โดยอ้างว่าเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.. 2557 จำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเลินเล่อ และเฉี่ยวชนโจทก์ซึ่งกำลังปั่นจักรยานจนล้ม เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บและจักรยานของโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่ารักษาพยาบาล 20,000 บาท และค่าซ่อมจักรยานจำนวน 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ทำละเมิด

จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันยื่นคำให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ขับรถด้วยความประมาทชนโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง แต่เพราะโจทก์ได้ขี่จักรยานในเวลากลางคืนโดยไม่มีสัญญานไฟ ทำให้จำเลยไม่สามารถมองเห็นโจทก์เป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถเบรกรถได้ทัน ซึ่งเป็นความผิดของโจทก์เอง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ไปส่งของโดยให้ค่าขนส่งครั้งละ 1,000 บาท อันเป็นสัญญาจ้างทำของไม่ใช่สัญญาจ้างแรงงาน จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ส่วนค่าซ่อมจักรยานที่โจทก์เรียกร้องมานั้นเป็นค่าซ่อมที่เกินความเป็นจริง ค่าซ่อมจักรยานของโจทก์ที่เสียหายไม่น่าเกิน 500 บาท ขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์

เมื่อโจทก์และจำเลยได้ยื่นคำคู่ความต่อศาลแล้ว ศาลได้นัดให้คู่ความมาศาลเพื่อชี้สองสถานในวันที่ 29 ธันวาคม 2558 หากท่านเป็นศาลจะกำหนดประเด็นข้อในคดีนี้อย่างไร


   ก. จำเลยที่ 1 ทำละเมิดโจทก์หรือไม่
   ข. จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หรือไม่
   ค. จำเลยที่ 1 ทำละเมิดโจทก์หรือไม่ และจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หรือไม่
   ง. จำเลยที่ 1 ทำละเมิดโจทก์หรือไม่, จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หรือไม่, และค่าสินไหมทดแทนคือจำนวน 80,000 บาทจริงหรือไม่




คำถามข้อที่: 40:

วันที่ 11 ธันวาคม พ.. 2558 นายหนึ่งได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสองจำเลยที่ 1 และนายสามเป็นจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยร่วมกันต่อศาล โดยอ้างว่าเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.. 2557 จำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเลินเล่อ และเฉี่ยวชนโจทก์ซึ่งกำลังปั่นจักรยานจนล้ม เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บและจักรยานของโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่ารักษาพยาบาล 20,000 บาท และค่าซ่อมจักรยานจำนวน 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ทำละเมิด

จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันยื่นคำให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ขับรถด้วยความประมาทชนโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง แต่เพราะโจทก์ได้ขี่จักรยานในเวลากลางคืนโดยไม่มีสัญญานไฟ ทำให้จำเลยไม่สามารถมองเห็นโจทก์เป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถเบรกรถได้ทัน ซึ่งเป็นความผิดของโจทก์เอง ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เพราะจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ไปส่งของโดยให้ค่าขนส่งครั้งละ 1,000 บาท อันเป็นสัญญาจ้างทำของไม่ใช่สัญญาจ้างแรงงาน จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ส่วนค่าซ่อมจักรยานที่โจทก์เรียกร้องมานั้นเป็นค่าซ่อมที่เกินความเป็นจริง ค่าซ่อมจักรยานของโจทก์ที่เสียหายไม่น่าเกิน 500 บาท ขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์

เมื่อโจทก์และจำเลยได้ยื่นคำคู่ความต่อศาลแล้ว ศาลได้นัดให้คู่ความมาศาลเพื่อชี้สองสถานในวันที่ 29 ธันวาคม 2558

ในประเด็นข้อพิพาท ว่าค่าสินไหมทดแทนคือจำนวน 80,000 บาทหรือไม่นั้น ผู้ใดมีหน้าที่นำสืบ


   ก. โจทก์
   ข. จำเลย 1
   ค. จำเลยที่ 2
   ง. จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2




หากต้องการต้นฉบับพร้อมเฉลย ติดต่ออีเมล chalermwut.up@gmail.com ชุดละ 50 บาทครับ