คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15248 - 15249/2557
จำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบในงานเบิก - จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน ตรวจสอบเอกสารเงินยืม ติดตามเงินยืมและตัดยอดเงินยืม ดังนั้น แม้จำเลยจะจัดทำเอกสารเกี่ยวกับงานการเงินในหน้าที่รับผิดชอบของจำเลยไม่ตรงกับความเป็นจริงและใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวเสนอต่อผู้บังคับบัญชา ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 264 ฐานปลอมเอกสาร มาตรา 268 ฐานใช้เอกสารปลอม และมาตรา 137 ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน เพราะจำเลยเป็นผู้บันทึกข้อความลงในเอกสารต่าง ๆ ด้วยตนเอง โดยจำเลยมิได้เป็นผู้แจ้งข้อความดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานอื่นแต่อย่างใด
ศาลฎีกาได้วางหลักมาโดยตลอดว่า หากเป็นเอกสารที่ตนเองทำขึ้นโดยมีอำนาจทำแล้ว แม้จะข้อความเอกสารจะเป็นเท็จก็ไม่ผิดฐานปลอมเอกสาร
|
สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ บทความของผมจะเป็นบทความทางกฎหมาย ซึ่งอาจจะเป็นทางวิชาการไปสักหน่อย แต่เพราะอยากให้ความรู้ทางกฎหมายโดยเฉพาะทางด้านกฎหมายอาญา กฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านนะครับ
Tuesday 14 June 2016
ปลอมเอกสารที่ตนเองมีหน้าที่ทำขึ้น...จะมีความผิดฐานปลอมเอกสารหรือไม่
Saturday 4 June 2016
Wednesday 1 June 2016
ข้อสอบกฎหมายอาญาภาคความผิด
นายจันทร์ได้เข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
นายจันทร์ได้หยิบปากการาคา 10 บาท
และเดินไปจ่ายเงินที่พนักงานเก็บเงิน โดยให้ธนบัตรใบละ 100 บาท
แก่พนักงานเก็บเงิน
นางสาวอังคารพนักงานเก็บเงินไม่ดูให้ดีเสียก่อนเข้าใจว่าเป็นธนบัตรใบละ 1,000
บาท จึงทอนเงินให้นายจันทร์ไป 990 บาท
นายจันทร์รู้ว่านางสาวอังคารทอนเงินผิดก็ไม่ได้ทักท้วงรับเงินแล้วรีบเดินออกจากร้านไป
แต่ขณะที่กำลังเดินออกทางประตูนั้น นายจันทร์เห็นกระเป๋าสตางค์ซึ่งเป็นของนายพุธตกอยู่
นายจันทร์จึงหยิบกระเป๋าสตางค์ของนายพุธไป นายพุธซึ่งกำลังตามหากระเป๋าสตางค์ของตัวเอง
เห็นนายจันทร์เดินมาพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง จึงเข้าไปแย่งคืน
นายจันทร์ไม่ยอมและชกนายพุธไป 1 ที
และวิ่งหลบหนีไปพร้อมกับกระเป๋าเงินของนายพุธ
ดังนี้ ให้นิสิตวินิจฉัยว่า
นายจันทร์มีความผิดอาญาฐานใดบ้าง อย่างไร (20 คะแนน)
ธงคำตอบ
หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 339, 352 (5 คะแนน)
กรณีที่นางสาวอังคารพนักงานเก็บเงินไม่ดูให้ดีเสียก่อนทอนเงินผิด
นายจันทร์ก็ไม่ได้ทักท้วงรับเงินแล้วรีบเดินออกจากร้านไป มีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
มาตรา 352 "ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น
หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ดังนั้นเมื่อนายจันทร์ได้ซื้อปากการาคา 10 บาท โดยจ่ายเงินไป
100 บาท แต่พนักงานทอนเงินเกินมาให้ถึง 990 บาท เงินที่เกินมานั้นไม่ใช่ของนายจันทร์ที่นายจันทร์มีสิทธิจะเอาไปได้
เมื่อนายจันทร์รู้ว่าพนักงานทอนเงินผิดแต่กลับนิ่งเฉยและเดินออกจากร้านไป ถือเป็นการเบียดบังทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต
อันเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออปรากฎว่าทรัพย์ดังกล่าวได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของนายจันทร์เพราะมีผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด
นายจันทร์จึงมีความผิดตาม มาตรา 352 วรรคสอง โดยได้รับโทษกึ่งหนึ่ง (5 คะแนน)
ส่วนกรณีที่นายจันทร์เห็นกระเป๋าสตางค์ซึ่งเป็นของนายพุธตกอยู่
นายจันทร์จึงหยิบกระเป๋าสตางค์ของนายพุธไป
นายพุธซึ่งกำลังตามหากระเป๋าสตางค์ของตัวเอง
เห็นนายจันทร์เดินมาพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง จึงเข้าไปแย่งคืน
นายจันทร์ไม่ยอมและชกนายพุธไป 1 ที นั้นมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้ มาตรา 339 "มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย
หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองหมื่นบาท" ดังนั้นเมื่อกระเป๋าสตางค์ของนายพุธที่ตกนั้นยังอยู่ในวิสัยที่นายพุธยังติดตามเอาคืนได้อยู่จึงไม่ใช่ทรัพย์สินหาย
แต่เป็นทรัพย์ที่ยังอยู่ในความครอบครองของนายพุธ (3 คะแนน)
นายจันทร์ได้เอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นโดยเจตนาทุจริตอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เมื่อปรากฏว่าในขณะที่กำลังเอากระเป๋าสตางค์ของนายพุธไปนั้น
นายพุธได้เข้ามาแย่งกระเป๋ากลับไป
นายจันทร์ได้ใช้กำลังประทุษร้ายนายพุธเพื่อยึดถือทรัพย์นั้นไว้ อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 339 (7 คะแนน)
Subscribe to:
Posts (Atom)