Tuesday 14 June 2016

ปลอมเอกสารที่ตนเองมีหน้าที่ทำขึ้น...จะมีความผิดฐานปลอมเอกสารหรือไม่










คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15248 - 15249/2557


จำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบในงานเบิก - จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน ตรวจสอบเอกสารเงินยืม ติดตามเงินยืมและตัดยอดเงินยืม ดังนั้น แม้จำเลยจะจัดทำเอกสารเกี่ยวกับงานการเงินในหน้าที่รับผิดชอบของจำเลยไม่ตรงกับความเป็นจริงและใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าวเสนอต่อผู้บังคับบัญชา ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 264 ฐานปลอมเอกสาร มาตรา 268 ฐานใช้เอกสารปลอม และมาตรา 137 ฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน เพราะจำเลยเป็นผู้บันทึกข้อความลงในเอกสารต่าง ๆ ด้วยตนเอง โดยจำเลยมิได้เป็นผู้แจ้งข้อความดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานอื่นแต่อย่างใด


ศาลฎีกาได้วางหลักมาโดยตลอดว่า หากเป็นเอกสารที่ตนเองทำขึ้นโดยมีอำนาจทำแล้ว แม้จะข้อความเอกสารจะเป็นเท็จก็ไม่ผิดฐานปลอมเอกสาร





Saturday 4 June 2016

โดนข่มขู่...จะสามารถดำเนินคดีข้อหาใดได้บ้าง

ซึ่งระหว่างนั้นรถที่จอดอยู่ด้านหน้าขับออกไปพอดี ทำให้มีที่ว่าง 1 ที่ แต่รถเจ้าของคลิปไม่ได้เลื่อนไปจอดแทน เพราะกำลังส่งคนในครอบครัวอยู่ ทำให้แท็กซี่ป้ายเขียวที่ต่อท้ายอยู่เกิดไม่พอใจที่เจ้าของคลิปไม่เลื่อนรถไปข้างหน้าให้ แท็กซี่คันนั้นจึงขับไปจอดด้านหน้าที่ว่างอยู่แทนในลักษณะคร่อมเลนขวางเอาไว้ ขณะลงมายกกระเป๋าให้ผู้โดยสาร คนขับก็มองมาที่รถด้วยความไม่พอใจ
ทั้งนี้เจ้าของเฟซบุ๊กได้ตั้งคำถามว่า การกระทำที่อุกอาจ หยิบอาวุธออกมาข่มขู่ทั้งที่อยู่หน้าสนามบิน จะหาความปลอดภัยได้ที่ไหน ซึ่งชาวสังคมออนไลน์ก็ได้แชร์เรื่องดังกล่าวเพื่อประณามคนขับแท็กซี่อย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นรถสาธารณะ แต่คนขับกลับไม่ควบคุมอารมณ์ แถมพกอาวุธไว้ข่มขู่ผู้อื่นดังกล่าว

ซึ่งความผิดฐานข่มขื่นใจผู้อื่นนั้ีนเป็นการข่มขู่ให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใด นั้นหมายความว่าไม่ใช่ขู่เข็ญเพียงเพื่อให้กลัว แต่มีเจตนาจะให้ผู้ถูกขู่เข็ญยอมกระทำการใดให้ ความผิดฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวนั้นเป็นการข่มขืนใจให้ผู้ถูกข่มขู่หมดเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ให้เขาไปในที่เขาอยากไป หรือให้เขาอยู่ในที่เขาไม่อยากอยู่ ส่วนความผิดฐานกรรโชกทรัพย์นั้นก็เป็นขู่เข็ญโดยประสงค์ต่อประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน 

Wednesday 1 June 2016

ข้อสอบกฎหมายอาญาภาคความผิด


นายจันทร์ได้เข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง นายจันทร์ได้หยิบปากการาคา 10 บาท และเดินไปจ่ายเงินที่พนักงานเก็บเงิน โดยให้ธนบัตรใบละ 100 บาท แก่พนักงานเก็บเงิน นางสาวอังคารพนักงานเก็บเงินไม่ดูให้ดีเสียก่อนเข้าใจว่าเป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท จึงทอนเงินให้นายจันทร์ไป 990 บาท นายจันทร์รู้ว่านางสาวอังคารทอนเงินผิดก็ไม่ได้ทักท้วงรับเงินแล้วรีบเดินออกจากร้านไป แต่ขณะที่กำลังเดินออกทางประตูนั้น นายจันทร์เห็นกระเป๋าสตางค์ซึ่งเป็นของนายพุธตกอยู่ นายจันทร์จึงหยิบกระเป๋าสตางค์ของนายพุธไป นายพุธซึ่งกำลังตามหากระเป๋าสตางค์ของตัวเอง เห็นนายจันทร์เดินมาพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง จึงเข้าไปแย่งคืน นายจันทร์ไม่ยอมและชกนายพุธไป 1 ที และวิ่งหลบหนีไปพร้อมกับกระเป๋าเงินของนายพุธ

ดังนี้ ให้นิสิตวินิจฉัยว่า นายจันทร์มีความผิดอาญาฐานใดบ้าง อย่างไร (20 คะแนน)

ธงคำตอบ

หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 339, 352 (5 คะแนน)

            กรณีที่นางสาวอังคารพนักงานเก็บเงินไม่ดูให้ดีเสียก่อนทอนเงินผิด นายจันทร์ก็ไม่ได้ทักท้วงรับเงินแล้วรีบเดินออกจากร้านไป มีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้ มาตรา 352 "ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ดังนั้นเมื่อนายจันทร์ได้ซื้อปากการาคา 10 บาท โดยจ่ายเงินไป 100 บาท แต่พนักงานทอนเงินเกินมาให้ถึง 990 บาท เงินที่เกินมานั้นไม่ใช่ของนายจันทร์ที่นายจันทร์มีสิทธิจะเอาไปได้ เมื่อนายจันทร์รู้ว่าพนักงานทอนเงินผิดแต่กลับนิ่งเฉยและเดินออกจากร้านไป ถือเป็นการเบียดบังทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต อันเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออปรากฎว่าทรัพย์ดังกล่าวได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของนายจันทร์เพราะมีผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด นายจันทร์จึงมีความผิดตาม มาตรา 352 วรรคสอง โดยได้รับโทษกึ่งหนึ่ง (5 คะแนน)

            ส่วนกรณีที่นายจันทร์เห็นกระเป๋าสตางค์ซึ่งเป็นของนายพุธตกอยู่ นายจันทร์จึงหยิบกระเป๋าสตางค์ของนายพุธไป นายพุธซึ่งกำลังตามหากระเป๋าสตางค์ของตัวเอง เห็นนายจันทร์เดินมาพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง จึงเข้าไปแย่งคืน นายจันทร์ไม่ยอมและชกนายพุธไป 1 ที นั้นมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้  มาตรา 339 "มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองหมื่นบาท" ดังนั้นเมื่อกระเป๋าสตางค์ของนายพุธที่ตกนั้นยังอยู่ในวิสัยที่นายพุธยังติดตามเอาคืนได้อยู่จึงไม่ใช่ทรัพย์สินหาย แต่เป็นทรัพย์ที่ยังอยู่ในความครอบครองของนายพุธ (3 คะแนน) นายจันทร์ได้เอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นโดยเจตนาทุจริตอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อปรากฏว่าในขณะที่กำลังเอากระเป๋าสตางค์ของนายพุธไปนั้น นายพุธได้เข้ามาแย่งกระเป๋ากลับไป นายจันทร์ได้ใช้กำลังประทุษร้ายนายพุธเพื่อยึดถือทรัพย์นั้นไว้ อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 (7 คะแนน)