Wednesday 1 June 2016

ข้อสอบกฎหมายอาญาภาคความผิด


นายจันทร์ได้เข้าไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง นายจันทร์ได้หยิบปากการาคา 10 บาท และเดินไปจ่ายเงินที่พนักงานเก็บเงิน โดยให้ธนบัตรใบละ 100 บาท แก่พนักงานเก็บเงิน นางสาวอังคารพนักงานเก็บเงินไม่ดูให้ดีเสียก่อนเข้าใจว่าเป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท จึงทอนเงินให้นายจันทร์ไป 990 บาท นายจันทร์รู้ว่านางสาวอังคารทอนเงินผิดก็ไม่ได้ทักท้วงรับเงินแล้วรีบเดินออกจากร้านไป แต่ขณะที่กำลังเดินออกทางประตูนั้น นายจันทร์เห็นกระเป๋าสตางค์ซึ่งเป็นของนายพุธตกอยู่ นายจันทร์จึงหยิบกระเป๋าสตางค์ของนายพุธไป นายพุธซึ่งกำลังตามหากระเป๋าสตางค์ของตัวเอง เห็นนายจันทร์เดินมาพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง จึงเข้าไปแย่งคืน นายจันทร์ไม่ยอมและชกนายพุธไป 1 ที และวิ่งหลบหนีไปพร้อมกับกระเป๋าเงินของนายพุธ

ดังนี้ ให้นิสิตวินิจฉัยว่า นายจันทร์มีความผิดอาญาฐานใดบ้าง อย่างไร (20 คะแนน)

ธงคำตอบ

หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 339, 352 (5 คะแนน)

            กรณีที่นางสาวอังคารพนักงานเก็บเงินไม่ดูให้ดีเสียก่อนทอนเงินผิด นายจันทร์ก็ไม่ได้ทักท้วงรับเงินแล้วรีบเดินออกจากร้านไป มีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้ มาตรา 352 "ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานยักยอก ดังนั้นเมื่อนายจันทร์ได้ซื้อปากการาคา 10 บาท โดยจ่ายเงินไป 100 บาท แต่พนักงานทอนเงินเกินมาให้ถึง 990 บาท เงินที่เกินมานั้นไม่ใช่ของนายจันทร์ที่นายจันทร์มีสิทธิจะเอาไปได้ เมื่อนายจันทร์รู้ว่าพนักงานทอนเงินผิดแต่กลับนิ่งเฉยและเดินออกจากร้านไป ถือเป็นการเบียดบังทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต อันเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออปรากฎว่าทรัพย์ดังกล่าวได้ตกมาอยู่ในความครอบครองของนายจันทร์เพราะมีผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด นายจันทร์จึงมีความผิดตาม มาตรา 352 วรรคสอง โดยได้รับโทษกึ่งหนึ่ง (5 คะแนน)

            ส่วนกรณีที่นายจันทร์เห็นกระเป๋าสตางค์ซึ่งเป็นของนายพุธตกอยู่ นายจันทร์จึงหยิบกระเป๋าสตางค์ของนายพุธไป นายพุธซึ่งกำลังตามหากระเป๋าสตางค์ของตัวเอง เห็นนายจันทร์เดินมาพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง จึงเข้าไปแย่งคืน นายจันทร์ไม่ยอมและชกนายพุธไป 1 ที นั้นมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้  มาตรา 339 "มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสองหมื่นบาท" ดังนั้นเมื่อกระเป๋าสตางค์ของนายพุธที่ตกนั้นยังอยู่ในวิสัยที่นายพุธยังติดตามเอาคืนได้อยู่จึงไม่ใช่ทรัพย์สินหาย แต่เป็นทรัพย์ที่ยังอยู่ในความครอบครองของนายพุธ (3 คะแนน) นายจันทร์ได้เอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นโดยเจตนาทุจริตอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อปรากฏว่าในขณะที่กำลังเอากระเป๋าสตางค์ของนายพุธไปนั้น นายพุธได้เข้ามาแย่งกระเป๋ากลับไป นายจันทร์ได้ใช้กำลังประทุษร้ายนายพุธเพื่อยึดถือทรัพย์นั้นไว้ อันเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 (7 คะแนน)

           

No comments:

Post a Comment