https://www.youtube.com/watch?v=RPJ8CFBx9h8
สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ บทความของผมจะเป็นบทความทางกฎหมาย ซึ่งอาจจะเป็นทางวิชาการไปสักหน่อย แต่เพราะอยากให้ความรู้ทางกฎหมายโดยเฉพาะทางด้านกฎหมายอาญา กฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านนะครับ
Wednesday 13 July 2016
Tuesday 12 July 2016
ฆ่าคนตายโดยเจตนากับฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
MGR Online - โฆษกอัยการแถลงสั่งฟ้อง 6 โจ๋และแฟนสาว ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา คาดยื่นฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ระบุหากญาติจะยื่นฟ้องเองข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนก็เป็นสิทธิ
วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานศาลอาญา ชั้น 11 ถนนรัชดาภิเษก ร.ท. สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายวิเชียร ถนอมพิชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการสั่งฟ้องกลุ่มวัยรุ่นที่รุมทำร้ายนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี ชายพิการอาชีพส่งขนมปังจนเสียชีวิตย่านโชคชัย 4
อ่านต่อ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000069119
ไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นพฤติการณ์ประกอบการกระทำ ไม่ใช่องค์ประกอบความผิด ผู้กระทำไม่ต้องรู้ว่าการกระทำของตนเป็นการไตร่ตรองหรือไม่ก็ได้ หากมีพฤติการณ์ปรากฏให้เห็นได้ว่า การฆ่าคนตายนั้นมีการคิดและทบทวนก่อนมีการลงมือฆ่าแล้ว ก็ถือว่าเป็นการฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
วันนี้ (11 ก.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานศาลอาญา ชั้น 11 ถนนรัชดาภิเษก ร.ท. สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายวิเชียร ถนอมพิชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการสั่งฟ้องกลุ่มวัยรุ่นที่รุมทำร้ายนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี ชายพิการอาชีพส่งขนมปังจนเสียชีวิตย่านโชคชัย 4
อ่านต่อ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000069119
ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไต่ตรองไว้ก่อน
ไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นพฤติการณ์ประกอบการกระทำ ไม่ใช่องค์ประกอบความผิด ผู้กระทำไม่ต้องรู้ว่าการกระทำของตนเป็นการไตร่ตรองหรือไม่ก็ได้ หากมีพฤติการณ์ปรากฏให้เห็นได้ว่า การฆ่าคนตายนั้นมีการคิดและทบทวนก่อนมีการลงมือฆ่าแล้ว ก็ถือว่าเป็นการฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ผู้กระทำไม่จำต้องไตร่ตรองนานแล้วจึงฆ่า แม้คิดทบทวนไม่นานก็ถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เช่น โต้เถียงกันในที่ประชุมแล้วเดินออกไปเอาปืนที่อยู่ในรถมายิงคนในที่ประชุมตาย ก็ถือว่าได้ไตร่ตรองในการฆ่าแล้ว
การจ้างวานฆ่า (Contract Murder) ไปดักรอฆ่า การฆ่าโดยการวางยาพิษ ลักษณะของการฆ่าเหล่านี้ล้วนมีการคิดและวางแผนการฆ่ามาเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นได้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่หากเป็นการฆ่าโดยปัจจุบันทันด่วน เช่น ขับรถปาดหน้ากันจึงโมโหขับรถชนหรือเบียดตกถนน หรือตั้งใจจะมาฆ่า แต่บังเอิญเห็นโดยบังเอิญและมือถือปืนอยู่จึงยิงเขาตายทันที เหล่านี้เป็นการฆ่าโดยปัจจุบันทันด่วน ไม่ใช่ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้
ความแตกต่างระหว่างฆ่าคนตายโดยเจตนากับไตร่ตรองไว้ก่อน
ความผิดทั้งสองฐานนี้มีความแตกต่างกันในแง่ของจิตใจผู้กระทำ
ในแง่ของจิตใจผู้กระทำความผิด ความผิดทั้งสองฐานนี้ ฆ่าคนตายโดยเจตนา ม.288 กับ ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ม.289(4) ผู้กระทำมีเจตนาฆ่าเหมือนกัน แต่ระดับของความชั่วร้ายของจิตใจแตกต่างกัน ฆ่าคนโดยไต่ตรองไว้ก่อนเป็นการฆ่าคนโดยเลือดเย็น เพราะมีเวลาทบทวน ไม่ได้ฆ่าโดยปัจจุบันทันด่วน ดังนั้ยกฎหมายลงโทษหนักกว่าคนตายโดยเจตนา ตามระดับความชั่วร้ายของจิตใจ
การลงโทษผู้กะทำความผิดในทางอาญานั้นพิจารณาจากความชั่วร้ายของจิตใจผู้กระทำเป็นหลัก ดังนั้นโทษเบาหรืิหนักขึ้นอยู่กับจิตใจผู้กระทำ
Miranda warning
มิแรนดากับป.วิอาญามาตรา 83 วรรคสอง
โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
นายเออเนสโต มิแรนดา |
ปรากฏว่าศาลนิวยอร์กได้พิพากษาปล่อยตัวจำเลยไปโดยอ้างว่าตำรวจเข้าจับกุมโดยไม่แจ้งสิทธิของผู้ถูกจับกุมให้ทราบเสียก่อนโดยอ้างคดีมิแรนดากับอริโซนาที่ศาลฎีกาสหรัฐพิพากษาไว้เป็นบรรทัดฐานว่าการทำการจับกุมซึ่งผิดมาตราที่ 5 ของกฎหมายว่าด้วยสิทธิของประชาชน (Bill of Rights) ในรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาที่ว่า "บุคคลจะต้องไม่เป็นพยานกล่าวโทษตนเองในคดีอาญา (self-incrimination)" ก็เกิดจากปัญหาถ้าพูดอะไรกับเจ้าพนักงานตำรวจไปแล้วคำพูดเหล่านั้นอาจจะเป็นหลักฐานมีโทษต่อตัวเองได้ ก็เหมือนกรณีที่ผู้ต้องหาคดีอาญาในเมืองไทยมักพูดว่าจะขอให้การในชั้นศาลนั่นเอง
ซึ่งคดีมิแรนดากับอริโซนากับคดีของฆาตกรที่นิวยอร์กนี้เป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลจึงเป็นเรื่องที่อภิปรายถกเถียงกันใหญ่โตทั้งในชั้นเรียนและทางโทรทัศน์ไปนานนับเดือนเลยทีเดียว
คนอเมริกันเมื่อถูกจับในคดีอาญาจึงมักพูดว่า "จะใช้บทที่ 5" คือไม่ให้การอะไรทั้งสิ้นจนกว่าทนายของตนจะมาอยู่ด้วยสืบเนื่องจากบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 5 นี่เอง เจ้าพนักงานตำรวจของสหรัฐจึงต้องอ่านคำเตือนที่เรียกว่า "คำเตือนมิแรนดา" (The Miranda rules) ให้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมฟังทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาให้การที่เสียผลประโยชน์ต่อตนเอง คำเตือนมิแรนดามีใจความสำคัญ 3 ข้อคือ
มิรานดา เมย์ เคอร์ หนึ่งในนางแบบวิกทอเรียส์ซีเครต ไม่เกี่ยวข้องอะไรในบทความนี้เลยนอกจากมีภาพและเรื่องมากกว่านายเออเนสโตในอินเตอร์เน็ตมาก |
.....
(ที่มา:มติชนรายวัน 13 สิงหาคม 2557)http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1407930503
Sunday 10 July 2016
ความผิดฐานฆ่าคนโดยประมาท
ความผิดฐานฆ่าคนโดยประมาท
ความผิดฐานฆ่าตายโดยประมาทหรือกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากการกระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังของผู้กระทำ แล้วผลของการกระทำเป็นเหตุให้มีคนตายขึ้นมา ความผิดฐานนี้เป็นความผิดที่ต้องการผล หากประมาทแต่ไม่มีคนตายผู้กระทำก็ไม่มีความรับผิด ถ้าผลของการประมาทเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ผู้กระทำต้องรับโทษในความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามมาตรา 300
มาตรา 291 “ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท”
องค์ประกอบความผิดภายนอก
ผู้ใด
กระทำ
ผู้อื่น
องค์ประกอบภายใน
ประมาท
ความหมายของการกระทำโดยประมาทมาตรา 59 วรรคสี่ “กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9981/2554 การที่จำเลยเดินเรือโดยฝ่าฝืนประกาศกรมเจ้าท่า อันเป็นความผิดฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าท่าหรือเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 297 วรรคหนึ่ง กับการที่จำเลยเดินเรือด้วยความประมาทเป็นเหตุให้เรือลำเลียงที่จำเลยลากจูงมาโดนกับเรือบรรทุกสินค้า และผู้ตายถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันและเป็นผลโดยตรงที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาลงโทษจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4883/2553 แม้จำเลยจะขับรถบรรทุกสิบล้อและรถพ่วงด้วยความเร็วสูง แต่จำเลยขับรถในทางเดินรถของตนโดยถูกต้อง ส่วน ส. มิได้จอดรถเพื่อรถกลับรถในช่องกลับรถอย่างในภาวะปกติธรรมดา หากแต่เป็นเพราะรถที่ ส. ขับเกิดเสียการทรางตัวแล้วหมุนเข้าไปในทางเดินรถของจำเลยและขวางรถที่จำเลยขับในระยะกระชั้นชิด ในภาวะเช่นนั้นไม่ว่าจำเลยจะขับมาในลักษณะเช่นใดจำเลยย่อมไม่อาจจะหลบหลีกเพื่อมิให้ชนกับรถที่ ส. ขับได้ ดังนั้น การที่จำเลยขับรถบรรทุกสิบล้อและรถพ่วงด้วยความเร็วสูงและไม่ขับให้อยู่ในช่องเดินรถด้านซ้ายจึงมิใช่เป็นผลโดยตรงที่ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนกัน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทและกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2869/2553 ก่อนเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์กระบะแซงรถจักรยานยนต์ของ ป. ล้ำเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนเข้าไปในช่องเดินรถของผู้ตาย ขณะเดียวกันผู้ตายก็ขับรถจักรยานยนต์ล้ำเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนเข้าไปในช่องเดินรถของจำเลยประมาณ 50 เซนติเมตร เป็นเหตุให้รถชนกันเช่นนี้ จำเลยจึงขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหายและผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ผู้ตายมีส่วนประมาทด้วยก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไปได้
ความผิดฐานกระทำโดยประมาท ไม่มีความผิดฐานพยายาม เป็นความผิดที่ต้องการผล หากผลไม่เกิด ความรับผิดก็ไม่มี
ความผิดฐานกระทำโดยประมาทไม่มีตัวการร่วม ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ต่างคนต่างประมาท (ประมาทร่วม แต่ไม่ใช่ร่วมกันประมาท)
|
|
|
เมื่อตำรวจเป็นจิตแพทย์
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ เชื่อ "หญิงไก่" มีอาการจิตไม่ปกติ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แฉจดทะเบียนแต่ง-หย่า 6-7 ครั้ง.... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/social/general/441955
http://www.posttoday.com/social/general/441955
การจะวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นบุคคลวิกลจริตหรือไม่ ต้องให้แพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจิตเป็นคนวินิจฉัย พนักงานสอบสวนไม่อาจจะวินิจฉัยได้ว่าใครวิกลจริตหรือไม่ เพราะไม่มีความรู้ ไม่ได้จบแพทย์มา อีกทั้งแม้จะวิกลจริตก็ต้องดูว่าตอนกระทำความผิดนั้นถึงขั้นไม่รู้ผิดชอบหรือไม่
การแสดงความเห็นว่าใครมีความผิดปกติทางจิตหรือไม่นั้นไม่ควร ด้วยเหตุผลเพราะทำให้ผู้นั้นได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสีย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังได้
http://www.posttoday.com/social/general/441955
การจะวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นบุคคลวิกลจริตหรือไม่ ต้องให้แพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจิตเป็นคนวินิจฉัย พนักงานสอบสวนไม่อาจจะวินิจฉัยได้ว่าใครวิกลจริตหรือไม่ เพราะไม่มีความรู้ ไม่ได้จบแพทย์มา อีกทั้งแม้จะวิกลจริตก็ต้องดูว่าตอนกระทำความผิดนั้นถึงขั้นไม่รู้ผิดชอบหรือไม่
การแสดงความเห็นว่าใครมีความผิดปกติทางจิตหรือไม่นั้นไม่ควร ด้วยเหตุผลเพราะทำให้ผู้นั้นได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสีย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังได้
Friday 8 July 2016
Subscribe to:
Posts (Atom)