มีปัญหาทางอาญาเกี่ยวกับการวินิจฉัยความผิดของผู้กระทำ
ในกรณีที่ผู้กระทำผิดนั้น
ทำร้ายผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์จนเป็นเหตุให้หญิงนั้นแท้งลูก
ผู้กระทำนั้นจะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
หรือผู้กระทำมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงไม่ยินยอมกันแน่
เช่น
นายแดงได้ชกไปที่ท้องของนางขาวหลายทีจนเป็นเหตุให้นางขาวแท้งลูก
กรณีนี้นายแดงจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 (5)
หรือจะมีความผิดตามมาตรา 303
แน่นอนว่าหากนายแดงรับสารภาพว่ามีเจตนาทำให้เด็กที่อยู่ในครรภ์ตาย
นายแดงย่อมมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงไม่ยินยอม ตาม มาตรา 303
อย่างไม่ต้องสงสัย ศาลก็สามารถลงโทษนายแดงได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แต่ถ้าในคดีนั้นแดงไม่มีเจตนาทำให้เด็กในครรภ์ตาย
เพราะแดงไม่รู้ว่าหญิงนั้นตั้งครรภ์ เช่น อายุครรภ์น้อย
กรณีเช่นนี้ย่อมไม่อาจลงโทษแดงฐานทำให้หญิงแท้งลูกได้ เพราะ
อันเป็นองค์ประกอบว่าหญิงตั้งครรภ์ก็ถือว่าในแดงขาดเจตนา
ลงโทษในแดงตามความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
297(5)
นายแดงได้ทำร้ายหญิง
โดยรู้อยู่แล้วว่ากำลังตั้งครรภ์ เช่น
นายแดงชกไปที่ท้องนางขาวภยาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ 2 ที
เป็นเหตุให้หญิงแท้งลูก
นายแดงให้การว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำให้หญิงแท้งลูก
มีเพียงเจตนาทำร้ายเท่านั้น เช่นนี้จะลงโทษนายแดงตามมาตรา 297(5) หรือ มาตรา 303
โทษของมาตรา
297 นั้นจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี ส่วนโทษของมาตรา 303 จำคุกไม่เกิน 7 ปี
ในกรณีที่หญิงแท้งลูกนั้นแม้จะปรับบทผิดระหว่าง
297 กับ 303 แต่โทษทั้งสองฐานก็ยังไม่แตกต่างกันมาก
แต่ในกรณีที่หญิงไม่แท้งลูก
(ลูกในท้องไม่ตาย) ถ้าปรับบทผิด โทษจะต่างกัน คือ
ถ้าศาลเห็นว่าผู้กระทำมีเจตนาเพียงทำร้าย ผู้กระทำจะมีควาผิดเพียงมาตรา 391
โทษจำคุกไม่เกินหนึงเดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
แต่ถ้าศาลเห็นว่าผู้กระทำมีเจตนาทำให้หญิงแท้งลูก
ผู้กระทำจะมีความผิดฐานพยายามทำให้หญิงแท้งลูกต้องรับโทษสองในสามของโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
หลักในการวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวนั้นผู้กระทำมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส ตาม มาตรา 297 (5) หรือจะมีความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นไม่ยินยอม ตาม มาตรา 303
หากพิจารณาการทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงไม่ยินยอมก็เป็นการทำร้ายร่างกายไปด้วย เพราะเป็นการกระทำต่อเนื้อตัวร่างกายของหญิง แม้ไม่ได้ประสงค์จะกระทำต่อหญิงโดยตรงแต่ก็ย่อมเล็งเห็นได้ว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้หญิงได้รับบาดเจ็บด้วย
แต่การที่กฎหมายบัญญัติความผิดฐานทำให้หญิงแท้งลูกขึ้นมาก็เพื่อลงโทษบุคคลที่มีเจตนากระทำให้หญิงแท้งลูก ซึ่งเป็นบทเฉพาะโดยผู้ที่กระทำความผิดฐานนี้ได้ต้องมีเจตนาทำให้หญิงแท้งลูก ไม่ใช่เจตนาทำร้าย ซึ่งเมื่อมีบทบัญญัติไว้เฉพาะแล้วก็สมควรจะลงโทษผู้ที่มีเจตนาทำให้หญิงแท้งลูก ซึ่งจะตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายมากกว่า
ดังนั้นการจะพิจารณาวาผู้กระทำความผิดมีความผิดฐานใดระหว่าง 297 หรือ 303 ต้องพิจารณาเจตนาของผูhกระทำเป็นหลัก หากผู้กระทำมีเจตนาทำร้ายแต่ผลของการทำร้ายเป็นผลให้แท้งลูกก็ผิด 297 แต่หากมีเจตนาทำให้แท้งลูก ก็มีความผิดตามมาตรา 303
No comments:
Post a Comment