Friday, 10 January 2014

ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ (Blackmail)

ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ (Blackmail)


Overview

ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์กับความผิดฐานกรรโชกทรัพย์
          ม.337 เป็นการขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าทำอันตรายต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน ชื่อเสียง เสรีภาพ แต่การขู่เข็ญตาม ม.338 เป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับและเมื่อเปิดเผยแล้วก็ไม่คำนึงว่าจะเสียหายต่ออะไร

          ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์มีองค์ประกอบความผิดเหมือนกับความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ทุกประการ แตกต่างกันแต่เพียงในความผิดฐานรีดเอาทรัพย์เป็นการขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ (Disclose the secret) ไม่ได้เป็นการขู่เข็ญในเรื่องทั่วๆ ไป

Disclose the secret เปิดเผยความลับ

          ซึ่งความลับ (Secret) หมายถึง ข้อเท็จจริงที่ไม่ประจักษ์แก่คนทั่วไปและเจ้าของความลับนั้นประสงค์จะปกปิดหรือให้รู้ในวงจำกัด เพราะฉะนั้นสิ่งไหนจะเป็นความลับหรือไม่ต้องพิจารณาตัวบุคคลเป็นสำคัญ เช่น การมีภริยาน้อย การเป็นหญิงขายบริการ การหลบเลี่ยงภาษี

          โดยการเปิดเผยความลับนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย และผู้กระทำได้กระทำไปโดยประสงค์จะได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน

          เช่น คำพิพากษาฎีกาที่ 1945/2514 จำเลยได้ขู่เข็ญข่มขืนใจโจทก์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่ง ว่าจะทำอันตรายต่อชื่อเสียงของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งนั้นซึ่งเป็นนิติบุคคล และเป็นบุคคลที่สาม และได้ขู่เข็ญข่มขืนใจโจทก์ ว่าจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้น จะทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวเสียหาย จนโจทก์ยอมจะให้เงินแก่จำเลยตามที่ถูกขู่เข็ญ ถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถูกขู่เข็ญเป็นผู้เสียหาย ตามความใน ป วิ อาญา มาตรา 2 (4) มีอำนาจฟ้องคดีในความผิดฐานกรรโชกและฐานรีดเอาทรัพย์


...................................................
เฉลิมวุฒิ สาระกิจ

อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

No comments:

Post a Comment