ความผิดฐานชิงทรัพย์
(Robbery)
เป็นความผิดที่มีพื้นฐานมาจากความผิดฐานลักทรัพย์เช่นเดียวกับความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
กล่าวคือ จะต้องเป็นความผิดลักทรัพย์ก่อนแล้วจะจึงจะมีความผิดฐานชิงทรัพย์ได้
สิ่งที่ทำให้ความผิดฐานชิงทรัพย์แตกต่างจากลักทรัพย์
คือ การชิงทรัพย์นั้นเป็นลักเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยมีการใช้กำลังประทุษร้าย (Violence)
หรือขู่เข็ญ (threatening) ในทันใดว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย
เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ (1) ให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือการพาทรัพย์นั้นไป (2)
ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น (3) ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ (4)
ปกปิดการกระทำความผิดนั้น หรือ (5) ให้พ้นจากการจับกุม
ประเด็นที่จะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับความผิดฐานชิงทรัพย์
คือ การใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญในการลักทรัพย์คือการกระทำในลักษณะใด ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
1.
ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายจะต้องเป็นการของการกระทำต่อกายหรือจิตใจของบุคคล
ไม่ใช่กระทำต่อสิ่งของอื่น
2.
ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย
ต้องกระทำเพื่อประสงค์จะเอาทรัพย์หากไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ย่อมไม่เป็นชิงทรัพย์
เช่น ทำร้ายร่างกายกันทีแรกเพราะมีเรื่องบาดหมางกัน แต่กระจากจนสร้อยหลุดติดมือ
เกิดลักทรัพย์ขึ้นมาภายหลัง ไม่เป็นชิงทรัพย์
เพราะการใช้กำลังประทุษร้ายไม่เกี่ยวข้องกับการลักทรัพย์
ความหมายของการใช้กำลังประทุษร้าย"
(to
commit an act of violence) ต้องตีความตามบทนิยาม ม.1 (6)
ส่วนความหมายของการขู่เข็ญในทันใดว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายนั้น
ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงว่า เป็๋นการขู่เข็ญว่าจะทำอันตราย ในทันทีทันใดหรือไม่
(immediately)
หากเป็นขู่เข็ญแต่ว่าไม่ทันทีทันใด เช่น
ขู่ว่าจะมาทำร้ายในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่การขู่เข็ญในทันใด
ไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่อาจเป็นกรรโชกทรัพย์
3.
การใช้กำลังประทุษร้ายตาม ม.339
นี้ไม่จำต้องการะทำต่อผู้ที่เป็นเจ้าของหรือครอบครองทรัพย์นั้นอยู่
จะประทุษร้ายแก่ใครก็ได้ เช่น กำลังวิ่งราวทรัพย์
มีคนมาช่วยจึงใช้กำลังประทุษร้ายต่อคนที่มาช่วย
4.
ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญในทันใดว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายนั้นต้องไม่ขาดตอนจากการลักทรัพย์
หากขาดตอนไปแล้วก็จะไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
แต่อาจเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และทำร้ายร่างกาย คนละกรรมกัน
การใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญในทันใดว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายจะทำก่อนลักทรัพย์หรือหลังจากลักทรัพย์ก็ได้
แต่ที่สำคัญต้องไม่ขาดตอนจากการลักทรัพย์
ประเด็นที่เป็นปัญหา
คือ เมื่อจำเลยได้ทรัพย์นั้นมาแล้วพาทรัพย์หนีไป เจ้าทรัพย์ติดตามเอาคืน
แล้วมีการใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญในทันใดว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายนั้น
ถือว่าขาดตอนแล้วหรือไม่
ควรศึกษาแนวคำวินิจฉัยของศาลเพิ่มเติมเพื่อดูตัวอย่างการตีความและปรับใช้กฎหมายนะครับ
......................................
เฉลิมวุฒิ สาระกิจ
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
No comments:
Post a Comment