ข้อสอบปลายภาคกฎหมายลักษณะพยาน
ภาคการเรียนที่ 2/2558
คำถาม วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558 นายหนึ่งได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสองจำเลยที่
1 และนายสามเป็นจำเลยที่ 2 เป็นจำเลยร่วมกันต่อศาล
โดยอ้างว่าเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.
2557 จำเลยที่ 1 ในฐานะลูกจ้างของจำเลยที่
2 ได้ขับรถยนต์บรรทุกไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทเลินเล่อ และเฉี่ยวชนโจทก์ซึ่งกำลังปั่นจักรยานจนล้ม เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บและจักรยานของโจทก์ได้รับความเสียหาย
ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่ารักษาพยาบาล
20,000 บาท และค่าซ่อมจักรยานจำนวน 80,000 บาท
พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ทำละเมิด
จำเลยที่
1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันยื่นคำให้การว่า จำเลยที่
1 ไม่ได้ขับรถด้วยความประมาทชนโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง แต่เพราะโจทก์ได้ขี่จักรยานในเวลากลางคืนโดยไม่มีสัญญาณไฟ
ทำให้จำเลยไม่สามารถมองเห็นโจทก์เป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถเบรกรถได้ทัน ซึ่งเป็นความผิดของโจทก์เอง
ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่
2 เพราะจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่
1 ไปส่งของโดยให้ค่าขนส่งครั้งละ 1,000 บาท อันเป็นสัญญาจ้างทำของไม่ใช่สัญญาจ้างแรงงาน จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ส่วนค่าซ่อมจักรยานที่โจทก์เรียกร้องมานั้นเป็นค่าซ่อมที่เกินความเป็นจริง
ค่าซ่อมจักรยานของโจทก์ที่เสียหายไม่น่าเกิน 500 บาท ขอให้ศาลยกฟ้องโจทก์
เมื่อโจทก์และจำเลยได้ยื่นคำคู่ความต่อศาลแล้ว
ศาลได้นัดให้คู่ความมาศาลเพื่อชี้สองสถานในวันที่ 29 ธันวาคม 2558 หากท่านเป็นศาลจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทและหน้าที่นำสืบในคดีนี้อย่างไร
ให้อธิบายพร้อมยกหลักกฎหมายประกอบ (อ.เฉลิมวุฒิ
สาระกิจ, 25 คะแนน)
ธงคำตอบ
หลักกฎหมายที่ใช้ ม.183, 84/1, ป.พ.พ.มาตรา 437 วรรคแรก (ยกครบ 6 คะแนน)
เมื่อศาลตรวจคำคู่ความและนำมาเทียบกันแล้วได้กำประเด็นข้อพิพาทและหน้าที่นำสืบดังนี้
ประเด็นที่ 1
จำเลยที่ 1 ทำละเมิดโจทก์หรือไม่ โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยที่
1 ทำละเมิดโจทก์โดยการขับรถบรรทุก โดยหลักแล้วเมื่อโจทก์กล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่
1 ทำละเมิดโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์อย่างไร
แต่ในกรณีนี้มีข้อสันนิษฐานตามกฎหมายเป็นคุณแก่โจทก์ เนื่องจากจำเลยเป็นควบคุมยานพาหนะอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล
มาตรา 437
บุคคลใดครอบครองหรือควบคุมดูแลยานพาหนะ อย่างใด ๆอันเดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล
บุคคลนั้นจะต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
ดังนั้นเมื่อปรากฏว่าในคดีนี้จำเลยที่ 1
เป็นผู้ควบคุมรถบรรทุกอันเป็นยานพาหนะอันเดิมด้วยกำลังเครื่องจักรกล ซึ่งตาม ป.วิแพ่ง มาตรา 84/1 ตอนท้ายที่บัญญัติว่า...แต่ถ้ามีข้อสันนิษฐานไว้ในกฎหมายหรือมีข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็น
ซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใด
คู่ความฝ่ายนั้นต้องพิสูจน์เพียงว่าตนได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งการที่ตนจะได้รับประโยชน์
จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้ว ดังนั้นในประเด็นนี้จำเลยจึงมีภาระการพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า
การเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง หากจำเลยพิสูจน์ไม่ได้จำเลยย่อมแพ้คดี
(6 คะแนน)
ประเด็นที่ 2
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่
2 หรือไม่ (หรือใครจะกำหนดประเด็นว่าจำเลยที่
2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่)
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างและทำละเมิดในทางการที่จ้างของจำเลยที่
2 และจำเลยปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1
ไม่ใช่ลูกจ้างแต่เป็นการจ้างทำของ ซึ่งมีหลักกฎหมาย มาตรา 84/1 วางหลักไว้ว่า “คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตนให้คู่ความ
ฝ่ายนั้นมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น” ดังนั้นเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าจำเลยที่
2
เป็นนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างได้กระทำในทางการที่จ้าง โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ในประเด็นนี้
(6 คะแนน)
ประเด็นที่ 3
ค่าสินไหมทดแทนคือจำนวน 80,000 บาทตามที่โจทก์กล่าวอ้างจริงหรือไม่
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าค่าสินไหมทดแทนที่ควรได้รับคือจำนวน 80,000 บาท แต่จำเลยให้การปฏิเสธว่าค่าสินไหมทดแทนไม่เกิน 500 บาทเป็นกรณีที่จำเลยปฏิเสธ ซึ่งตาม มาตรา 84/1 วางหลักไว้ว่า “คู่ความฝ่ายใดกล่าวอ้างข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนคำคู่ความของตนให้คู่ความ
ฝ่ายนั้นมีภาระการพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น” ดังนั้นเมื่อค่าสินไหมทดแทน 80,000 เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้าง
โจทก์มีภาระการพิสูจน์ (6 คะแนน)
ส่วนประเด็นเรื่องอายุความแม้คดีนี้จะขาดอายุความ
เพราะโจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 1
ปีนับแต่วันทำละเมิด แต่จำเลยไม่ได้ต่อสู้ในประเด็นดังกล่าว
ก็ไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าคดีขาดอายุความ (1 คะแนน)
ออกข้อสอบโดยเฉลิมวุฒิ สาระกิจ, อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
ภาพจาก http://quetel.com/sites/default/files/Evidence_1.jpg |
No comments:
Post a Comment