Thursday 24 March 2016

คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา

ในคดีอาญาที่ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องทางแพ่ง หรือที่เราเรียกว่า “คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา” ซึ่งในบางคดีนั้นผู้เสียหายต้องสูญเสียทรัพย์สินไปเนื่องมากจากการกระทำความผิดอาญา กฎหมายก็ให้อำนาจพนักงานอัยการเรียกทรัพย์สินที่สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิด หรือหากไม่สามารถเรียกคืนทรัพย์สินได้ก็ต้องชดใช้ราคาคืน ให้แก่ผู้เสียหายอีกด้วย ซึ่งหลักเกณฑ์ในการเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหาย ปรากฏในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.43

การเรียกคืนทรัพย์หรือราคาที่สูญเสีย

มาตรา 43 คดีลักทรัพย์ วิ่งราว ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกหรือรับของโจร ถ้าผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกร้องทรัพย์สิน หรือราคาที่เขาสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดคืน เมื่อพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีอาญา ก็ให้เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายด้วย



1. ผู้เสียหายต้องมีสิทธิเรียกคืนทรัพย์สินหรือราคาของทรัพย์สินนั้น


ซึ่งสิทธิในการเรียกคืนทรัพย์สินหรือราคาของทรัพย์สินนั้นเป็นสืทธิทางแพ่ง ซึ่งผู้เสียหายที่จะใช้สิทธิทางแพ่งได้นั้นต้องเป็นบุคคลตาม ป.วิ.แพ่ง ม.55 (เป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิหรือจำเป็นต้องใช้สิทธิทางศาล)


ซึ่งมีแนวคำวินิจฉัยสำหรับกรณีที่ผู้เสียหายไม่มีสิทธิจะเรียกคืนทรัพย์สินหรือราคา


คำพิพากษาฎีกาที่ 3112/2523 พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงกับขอให้คืนเงินที่จำเลยได้ไปจากการฉ้อโกงแก่ผู้เสียหาย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่ามิใช่เป็นเรื่องฉ้อโกงแต่เป็นเรื่องผู้เสียหายและจำเลยสมัครใจเล่นแชร์ต่อกัน ซึ่งเป็นเรื่องความรับผิดทางแพ่งล้วน ๆ หาใช่เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาไม่ดังนี้ เงินที่ผู้เสียหายชำระค่าแชร์ให้แก่จำเลยไป จึงมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิด พนักงานอัยการไม่มีสิทธิที่จะเรียกเงินเช่นนี้แทนผู้เสียหายได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43



2. ต้องเป็นคดีลักทรัพย์ วิ่งราว ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกหรือรับของโจร (9 ฐานความผิด)


ซึ่งคดีทั้ง 9 ฐานนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ต้องสูญเสียไปอันเรื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสิน ซี่งหากกฎหมายไม่ได้บัญญัติให้เรียกคืนในคดีอาญา ผู้เสียหายก็มีสิทธิเรียกคืนทางแพ่ง โดยการฟ้องฐานละเมิดได้อยู่แล้ว แต่เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว อักทั้งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเรียกคืนรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ กฎหมายวิธีพืจารณาความอาญาจึงกำหนดให้พนักงานอัยการเรียกคืนให้แก่ผู้เสียหายด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่ฟ้องคดีอาญาจะต้องเรียกคืนทรัพย์สินหรือราคา แม้ผู้เสียหายไม่ได้ยื่นคำร้องก็ตาม


ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับ ม.43 คือ ทรัพย์สินหรือราคา ที่พนักงานอัยการจะต้องเรียกคืนให้แก่ผู้เสียหาย ต้องเป็นทรัพย์สินที่เขาสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิด เช่น ทรัพย์ที่ถูกลักหรือยักยอกไป


หากเป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้สูญเสียไปเนื่องมาจากการกระทำความผิดทั้ง 9 ฐาน พนักงานอัยการก็ไม่สามารถเรียกคืนให้ผู้เสียหาได้ เช่น


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  442/2507 ในคดีเรื่องรับของโจร อัยการไม่มีอำนาจฟ้องผู้รับของโจรให้คืนเงินค่าไถ่ทรัพย์แทนผู้เสียหาย เพราะมิใช่ทรัพย์สินหรือราคาที่ผู้เสียหายเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดฐานรับของโจร


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2520ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ฐานรับสินบน ซึ่งไม่เป็นความผิดตามมาตรา 337 ฐานกรรโชก อัยการไม่มีอำนาจขอให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์

2.การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำความผิด

นอกจากการเรียกทรัพย์สินหรือราคาที่สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิด ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำความผิดอาญา เช่น ถูกขับรถชนโดยประมาททำให้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากผู้กระทำความผิดจะต้องถูกลงโทษทางอาญาแล้ว ยังต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหายด้วย



มาตรา 44/1 ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ ถ้าผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพราะเหตุได้รับอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือได้รับความเสื่อมเสียต่อเสรีภาพในร่างกายชื่อเสียง หรือได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลย ผู้เสียหายจะยื่นคำร้องต่อศาลที่พิจารณาคดีอาญาขอให้บังคับจำเลยให้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนก็ได้




No comments:

Post a Comment