ก่อนอื่นต้องพิจารณาก่อนว่าข้อสอบข้อนี้มีกี่ประเด็น
ตามคำถามของโจทก์ให้วินิจฉัยว่า นายชื่น นายชิต และนายชมต้องรับผิดฐานใดหรือไม่ (ข้อสังเกต ข้อสอบกฎหมายอาญาของเนติบัณฑิตจะให้วินิจฉัยคนที่ลงมือก่อนเสมอ เพราะความรับผิดของบุคคลที่เกี่ยวข้องจะขึ้นอยู่กับความรับผิดของคนที่ลงมือ เช่น ตัวการร่วม ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน และที่สำคัญต้องตอบอธิบายความรับผิดไปทีละคน)
ผมจะขออธิบายหลักการทางกฎหมายอาญาไปพร้อมกับวิธีการเขียนตอบข้อสอบแบบ IRAC ไปด้วยนะครับ
การเขียนข้อสอบแบบ IRAC 👉👉👉 การเขียนข้อสอบแบบ IRAC
ประเด็นที่ ๑ ความรับผิดของนายชื่น
(I) นายชื่นได้รับจ้างจากนายชิตให้ไปฆ่านายใส เมื่อนายชื่นเจอนายใสได้จ้องเล็งปืนจะยิงนายใส แต่นายชมเกิดสำนึกผิดวิ่งเข้ามาในที่เกิดเหตุและปัดปืนทำให้ปืนตกน้ำ นายชื่นมีความผิดฐานพยายามฆ่าหรือไม่
(R) จากข้อเท็จจริงดังกล่าวมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
มาตรา ๘๐ ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
(A) จากข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายวินิจฉัยได้ว่า นายชื่นมีเจตนาฆ่านายใส เมื่อเจอนายใส นายชื่นจึงได้จ้องเล็งปืนจะยิงนายใส การกระทำของนายชื่นได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะนายชมวิ่งเข้ามาปัดปืนทำให้ปืนตกน้ำ ไม่สามารถทำไปได้ตลอด นายชื่นจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่านายใส
(C) นายชื่นมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตามาตรา 80
ประเด็นที่ ๒ ความรับผิดของนายชิต
(I) นายชิตได้รับจ้างจากนายชมให้ไปฆ่านายใส แต่นายชิตเกิดป่วยกระทันหันทำให้ไปฆ่านายใสไม่ได้ นายชิตจึงได้ว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทนตนเอง นายชิตมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้หรือไม่
(R) จากข้อเท็จจริงมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญจ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
(A) จากข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายวินิจฉัยได้ว่า นายชิตมีรับจ้างไปฆ่านายใสแต่ไม่สามารถไปฆ่าเองได้ จึงได้ว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทนตน การที่นายชิตไปจ้างนายชื่นถือเป็นการก่อให้ผู้อื่นเกิดเจตนากระทำความผิดโดยการจ้าง ดังนั้น นายชิตจึงถือว่าเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด เมื่อนายชื่นได้ไปกระทำความผิดถึงขั้นพยายามฆ่า นายชิตจึงต้องรับโทษเสมือเป็นตัวการ
(C) นายชิตมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้
ประเด็นที่ ๓ ความรับผิดของนายชม
(I) นายชมได้ว่าจ้างนายชิตให้ไปฆ่านายใส แต่นายใสไปเองไม่ได้จึงได้ไปว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทน แต่เมื่อนายชื่นกำลังจ้องจะยิงนายใส นายชมเกิดสำนึกผิดวิ่งเข้าไปปัดปืนตกน้ำ นายชมจะมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้หรือไม่
(R) จากข้อเท็จจริงดังกล่าวมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญจ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้ กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 88 ถ้าความผิดที่ได้ใช้ ที่ได้โฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำ หรือที่ได้สนับสนุนให้กระทำ ได้กระทำถึงขั้นลงมือ กระทำความผิดแต่เนื่องจากการเข้าขัดขวางของผู้ใช้ ผู้โฆษณาหรือ ประกาศหรือผู้สนับสนุนผู้กระทำได้กระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไป ตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้ใช้หรือผู้โฆษณาหรือประกาศ คงรับผิดเพียงที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 84 วรรคสอง หรือ มาตรา 85 วรรคแรก แล้วแต่กรณี ส่วนผู้สนับสนุนนั้นไม่ต้องรับโทษ
(A) จากข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องวินิจฉัยได้ว่า นายชมได้จ้างให้นายชิตไปฆ่านายใส ถือว่าได้ก่อให้ผู้อื่นเกิดเจตนาฆ่า โดยการจ้าง นายชมย่อมเป็นผู้ใช้รับโทษหนึ่งในสาม แต่ปรากฎว่านายชิตไปฆ่านายใสไม่ได้ จึงได้ว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทน เมื่อนายนายชื่นได้เล็งปืนจ้องเล็งยิงนายใส ถือว่าผู้ถูกใช้ได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่เนื่องจากการกระทำของนายชมได้เข้าขัดขวางไม่ให้การกระทำนั้นได้กระทำไปได้ตลอด ทำให้การกระทำไม่บรรลุผล นายชมคงรับเพียงที่บัญญัติไว้สำหรับมาตรา ๘๔ วรรคสองเท่านั้น
สรุป นายชมมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษหนึ่งในสาม
ข้อสังเกต
๑. ความผิดฐานเป็นผู้ใช้ คือ การก่อให้ผู้อื่นเกิดเจตนากระทำความผิดขึ้นมา เมื่อได้ก่อให้เกิดเจตนาแล้ว แม้การกระทำความผิดยังไม่ได้กระทำลงก็ต้องรับโทษตามกฎหมายหนึ่งในสามแล้ว
๒. การใช้กันเป็นทอดๆ ตามข้อสอบ คือ นายชมใช้นายชิต นายชิตไปไม่ได้จึงไปใช้นายชื่นต่ออีกทอดหนึ่ง กรณีเช่นนี้ ทั้งนายชมและนายชิตย่อมเป็นผู้ใช้ เพราะได้ก่อให้คนอื่นเจตนากระทำความผิด แต่หากไม่ใช่กรณีใช้กันเป็นทอด ๆ เช่น นายชมใช้ให้นายชิตไปจ้างนายชื่น กรณีเช่นนี้ นายชมและนายชิดจะเป็นผู้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อ นายชิตไปจ้างนายชื่น ตอนที่นายชมจ้างนายชิดนายชมยังไม่ใช่ผู้ใช้ เพราะยังไม่มีคนเกิดเจตนาจะไปฆ่านายใส
๓. การเข้าขัดขวางของผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนตามาตรา ๘๘ นั้น เป็นผลที่ทำให้เกิดผลดีต่อคนที่ขัดขวาง แต่เป็นเหตุส่วนตัว หมายความว่า คนใดทำคนนั้นก็ได้ไม่มีผลต่อผู้ใช้หรือผู้สสนับสนุนคนอื่นด้วย
เฉลิมวุฒิ สาระกิจ
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
คำค้นหา ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ตัวการ การพยายามกระทำความผิด ข้อสอบเน สอบเนติ
ตามคำถามของโจทก์ให้วินิจฉัยว่า นายชื่น นายชิต และนายชมต้องรับผิดฐานใดหรือไม่ (ข้อสังเกต ข้อสอบกฎหมายอาญาของเนติบัณฑิตจะให้วินิจฉัยคนที่ลงมือก่อนเสมอ เพราะความรับผิดของบุคคลที่เกี่ยวข้องจะขึ้นอยู่กับความรับผิดของคนที่ลงมือ เช่น ตัวการร่วม ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน และที่สำคัญต้องตอบอธิบายความรับผิดไปทีละคน)
ผมจะขออธิบายหลักการทางกฎหมายอาญาไปพร้อมกับวิธีการเขียนตอบข้อสอบแบบ IRAC ไปด้วยนะครับ
การเขียนข้อสอบแบบ IRAC 👉👉👉 การเขียนข้อสอบแบบ IRAC
ประเด็นที่ ๑ ความรับผิดของนายชื่น
(I) นายชื่นได้รับจ้างจากนายชิตให้ไปฆ่านายใส เมื่อนายชื่นเจอนายใสได้จ้องเล็งปืนจะยิงนายใส แต่นายชมเกิดสำนึกผิดวิ่งเข้ามาในที่เกิดเหตุและปัดปืนทำให้ปืนตกน้ำ นายชื่นมีความผิดฐานพยายามฆ่าหรือไม่
(R) จากข้อเท็จจริงดังกล่าวมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
มาตรา ๘๐ ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
(A) จากข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายวินิจฉัยได้ว่า นายชื่นมีเจตนาฆ่านายใส เมื่อเจอนายใส นายชื่นจึงได้จ้องเล็งปืนจะยิงนายใส การกระทำของนายชื่นได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว เมื่อการกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะนายชมวิ่งเข้ามาปัดปืนทำให้ปืนตกน้ำ ไม่สามารถทำไปได้ตลอด นายชื่นจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่านายใส
(C) นายชื่นมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตามาตรา 80
ประเด็นที่ ๒ ความรับผิดของนายชิต
(I) นายชิตได้รับจ้างจากนายชมให้ไปฆ่านายใส แต่นายชิตเกิดป่วยกระทันหันทำให้ไปฆ่านายใสไม่ได้ นายชิตจึงได้ว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทนตนเอง นายชิตมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้หรือไม่
(R) จากข้อเท็จจริงมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญจ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
(A) จากข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายวินิจฉัยได้ว่า นายชิตมีรับจ้างไปฆ่านายใสแต่ไม่สามารถไปฆ่าเองได้ จึงได้ว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทนตน การที่นายชิตไปจ้างนายชื่นถือเป็นการก่อให้ผู้อื่นเกิดเจตนากระทำความผิดโดยการจ้าง ดังนั้น นายชิตจึงถือว่าเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด เมื่อนายชื่นได้ไปกระทำความผิดถึงขั้นพยายามฆ่า นายชิตจึงต้องรับโทษเสมือเป็นตัวการ
(C) นายชิตมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้
ประเด็นที่ ๓ ความรับผิดของนายชม
(I) นายชมได้ว่าจ้างนายชิตให้ไปฆ่านายใส แต่นายใสไปเองไม่ได้จึงได้ไปว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทน แต่เมื่อนายชื่นกำลังจ้องจะยิงนายใส นายชมเกิดสำนึกผิดวิ่งเข้าไปปัดปืนตกน้ำ นายชมจะมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้หรือไม่
(R) จากข้อเท็จจริงดังกล่าวมีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้บังคับ ขู่เข็ญจ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้ กระทำความผิด
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ ถ้าความผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 88 ถ้าความผิดที่ได้ใช้ ที่ได้โฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำ หรือที่ได้สนับสนุนให้กระทำ ได้กระทำถึงขั้นลงมือ กระทำความผิดแต่เนื่องจากการเข้าขัดขวางของผู้ใช้ ผู้โฆษณาหรือ ประกาศหรือผู้สนับสนุนผู้กระทำได้กระทำไปไม่ตลอดหรือกระทำไป ตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้ใช้หรือผู้โฆษณาหรือประกาศ คงรับผิดเพียงที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 84 วรรคสอง หรือ มาตรา 85 วรรคแรก แล้วแต่กรณี ส่วนผู้สนับสนุนนั้นไม่ต้องรับโทษ
(A) จากข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องวินิจฉัยได้ว่า นายชมได้จ้างให้นายชิตไปฆ่านายใส ถือว่าได้ก่อให้ผู้อื่นเกิดเจตนาฆ่า โดยการจ้าง นายชมย่อมเป็นผู้ใช้รับโทษหนึ่งในสาม แต่ปรากฎว่านายชิตไปฆ่านายใสไม่ได้ จึงได้ว่าจ้างนายชื่นให้ไปฆ่านายใสแทน เมื่อนายนายชื่นได้เล็งปืนจ้องเล็งยิงนายใส ถือว่าผู้ถูกใช้ได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่เนื่องจากการกระทำของนายชมได้เข้าขัดขวางไม่ให้การกระทำนั้นได้กระทำไปได้ตลอด ทำให้การกระทำไม่บรรลุผล นายชมคงรับเพียงที่บัญญัติไว้สำหรับมาตรา ๘๔ วรรคสองเท่านั้น
สรุป นายชมมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้รับโทษหนึ่งในสาม
ข้อสังเกต
๑. ความผิดฐานเป็นผู้ใช้ คือ การก่อให้ผู้อื่นเกิดเจตนากระทำความผิดขึ้นมา เมื่อได้ก่อให้เกิดเจตนาแล้ว แม้การกระทำความผิดยังไม่ได้กระทำลงก็ต้องรับโทษตามกฎหมายหนึ่งในสามแล้ว
๒. การใช้กันเป็นทอดๆ ตามข้อสอบ คือ นายชมใช้นายชิต นายชิตไปไม่ได้จึงไปใช้นายชื่นต่ออีกทอดหนึ่ง กรณีเช่นนี้ ทั้งนายชมและนายชิตย่อมเป็นผู้ใช้ เพราะได้ก่อให้คนอื่นเจตนากระทำความผิด แต่หากไม่ใช่กรณีใช้กันเป็นทอด ๆ เช่น นายชมใช้ให้นายชิตไปจ้างนายชื่น กรณีเช่นนี้ นายชมและนายชิดจะเป็นผู้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อ นายชิตไปจ้างนายชื่น ตอนที่นายชมจ้างนายชิดนายชมยังไม่ใช่ผู้ใช้ เพราะยังไม่มีคนเกิดเจตนาจะไปฆ่านายใส
๓. การเข้าขัดขวางของผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนตามาตรา ๘๘ นั้น เป็นผลที่ทำให้เกิดผลดีต่อคนที่ขัดขวาง แต่เป็นเหตุส่วนตัว หมายความว่า คนใดทำคนนั้นก็ได้ไม่มีผลต่อผู้ใช้หรือผู้สสนับสนุนคนอื่นด้วย
เฉลิมวุฒิ สาระกิจ
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
คำค้นหา ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ตัวการ การพยายามกระทำความผิด ข้อสอบเน สอบเนติ
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
No comments:
Post a Comment