โดยหลักแล้วกฎหมายอาญาจะไม่ลงโทษกับผู้ที่คิดและตกลงใจในการกระทำความผิด แต่กฎหมายจะลงโทษกับการกระทำที่แสดงออกมาภายนอกแล้วเท่านั้น เพราะเป็นการยากที่จะทราบถึงความคิดภายในจิตใจของบุคคล แม้ผู้ที่คิดและตกลงใจในการกระทำความผิดจะได้แสดงเจตนาออกมาโดยการตระเตรียมที่จะกระทำความผิดตามที่ได้คิดไว้และตกลงใจ โดยหลักแล้วกฎหมายก็ยังไม่ลงโทษ เพราะการตระเตรียมกระทำความผิดนั้นยังไม่เป็นการแสดงออกที่น่าเชื่อถือได้อย่างเพียงพอถึงจิตใจที่เป็นอาชญากรอย่างแน่นอน แต่ก็ยกเว้นสำหรับความผิดบางฐานเท่านั้นที่กฎหมายลงโทษการตระเตรียมกระทำความผิด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและจะสงผลเสียหายต่อความปลอดภัยของคนในสังคม เช่น ความผิดฐานตระเตรียมวางเพลิงเผาทรัพย์ ตาม ม. 219[2] แต่หากเป็นการพยายามกระทำความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ผู้กระทำความผิดได้แสดงการกระทำออกมาภายนอก Overt Act) ให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงเจตนาที่อยู่ภายในจิตใจ เป็นการกระทำที่เลยขั้นตระเตรียมการกระทำความผิด จนถึงขั้นลงมือกระทำความผิดแล้ว และการลงมือกระทำความผิดนี้เอง เป็นตัวแบ่งแยกการพยายามกระทำความผิดกับการตระเตรียมการกระทำความผิดออกจากกัน การลงมือกระทำความผิดเป็นการแสดงออกถึงเจตนาของผู้กระทำว่ามีเจตนาร้ายต่อสิ่งที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครอง เช่น ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์ หรือเสรีภาพ ฯลฯ
การพยายามกระทำความผิดนั้นเป็นการกระทำที่แสดงออกถึงเจตนาที่ชั่วร้าย เพียงแต่ผลของการกระทำยังไม่เกิดขึ้นและสิ่งที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครองยังไม่ถูกกระทบกระเทือน[6] เช่น มาตรา 288 ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา สิ่งที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครองคือชีวิตมนุษย์ การพยายามกระความผิดเป็นการกระทำที่ยังไม่กระทบกระเทือนถึงชีวิต(ไม่ตาย) แม้การเป็นกรณีของการพยายามกระทำความผิดที่ได้กระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ซึ่งหากพิจารณาในแง่ของเจตนาแล้ว ไม่ว่าผู้ถูกยิงจะตายหรือไม่ตาย เจตนาของผู้ที่ยิงก็เจตนาเดียวกัน ดังนั้นกฎหมายไม่ควรจะลงโทษการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแต่เพียงอย่างเดียว การกระทำที่ได้แสดงออกถึงเจตนาจนถึงขึ้นลงมือกระทำความผิดแล้วก็สมควรที่จะได้รับการลงโทษเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการลงโทษบุคคลที่มีเจตนาและลงมือกระทำความผิดต่อผู้อื่น และการลงมือกระทำความผิดก็เป็นการกระทำที่มีความเป็นไปได้สูงของการจะเกิดผลเสียหายต่อสิ่งที่กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครอง[7] และในขณะเดียวกันก็เป็นการยับยั้งไม่ให้ผู้กระทำความผิดได้กระทำความผิดจนสำเร็จ (พยายามกระทำความผิดมีโทษน้อยกว่าความผิดสำเร็จ โทษที่ต่างกันมีผลต่อการยังยั้งไม่กระทำความผิดให้สำเร็จ กล่าวคือ การถูกลงโทษฐานพยายามกระทำความผิดเป็นผลดีต่อผู้กระทำมากกว่า)
|
|
|
ขอคัดลอกบทความ ไปทำรายงายได้ไหมคับ
ReplyDelete