Tuesday 22 December 2015

การไม่รู้ข้อเท็จจริง

การไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าผู้ร้ายอีกคนพกปืนเข้าไปปล้นทรัพย์จะทำให้ผู้ที่เข้าไปกระทำการปล้นทรัพย์ทุกคนรับโทาหนักขึ้นหรือไม่


ข้อเท็จจริงปรากฎว่า

นายแดง ดำ ขาว ทั้งหมดสามคนร่วมกันเข้าไปลักทรัพย์บ้านนายม่วง ขณะที่นายม่วงหลับอยู่นั้นได้ยินเสียงแมวร้อง จึงสงสัยตื่นขึ้นมาดู เห็นนายแดงกำลังลักพระเครื่องของตัวเองที่เก็บไว้ในห้องพระ จึงร้องตะโกนว่า "หยุดนะ...เจ้าโจรใจทราม"

นายดำที่แอบพกปืนมาด้วย(โดยนายแดงและขาวไม่ทราบว่านายดำพกปืนมาด้วย) เอาปืนนั้นขึ้นขู่ให้นายม่วงเงียบๆ แต่นายม่วงไม่ยอมเงียบแล้วเข้าแย้งปืนจากนายดำ นายดำเห็นดังนั้นจึงตกใจ จึงยิงนายม่วงแต่ไม่ถูก และทั้งสามคนรีบพากันหนีไปพร้อมพระเครื่อง 1 องค์

แดง ดำ ขาว มีความผิดฐานอาญาฐานใด
...............................

ประเด็นปัญหานี้คงจะตอบไม่ยาก แน่นอนจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นย่อมเป็นการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ (ชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป)

แต่ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยอยู่ตรงประเด็นที่ว่า การที่นายดำแอบพกปืนไปโดยที่นายแดงและนายขาวไม่ทราบว่า นายดำพกปืนไปนั้น จะเป็นเหตุให้ทั้ง 3 คน มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 340 วรรรค 2 หรือไม่ และเมื่อนายดำได้ใช้ปืนยิงในการปล้นทรัพย์ ผู้กระทำผิดคนอื่นๆ จะต้องรับผิดตาม ป.อ.มาตรา 340 วรรค 4 หรือไม่

มาตรา 340

วรรค 2 "ถ้าในการปล้นทรัพย์ผู้กระทำแม้แต่คนหนึ่งคนใด มีอาวุธติดตัวไป ด้วยผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบสองปีถึงยี่สิบปีและปรับ ตั้งแต่สองหมื่นสี่พันบาทถึงสี่หมื่นบาท"

วรรค 4 "ถ้าการปล้นทรัพย์ได้กระทำโดยแสดงความทารุณ จนเป็นเหตุให้ ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ใช้ปืนยิง ใช้วัตถุระเบิดหรือกระทำ ทรมานผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี"

.................................
การที่ผู้กระทำผิดคนใดคนหนึ่งได้ได้พกอาวุธไปปล้น แม้ผู้กระทำผิดคนอื่นจะไม่ได้ทราบข้อเท็จจริงนั้น ผู้กระทำผิดคนที่ไม่ทราบก็ต้องรับผิดหนักขึ้นตามไปด้วย เพราะการไม่รู้ข้อเท็จจริงอันว่ามีอาวุธติดตัวไปหรือไม่ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด ที่หากว่าผู้กระทำผิดไม่ทราบ ถือว่าไม่มีเจตนา

ดังนั้นการไม่รู้ว่าผู้กระทำผิดมีใครพกอาวุธติดตัวไป จึงไม่ใช่เรื่องที่ผู้กระทำผิดคนอืนต้องรู้ แต่ต้องรับผิดหนักขึ้นตามไปด้วย เพราะเป็นเหตุลักษณะคดี เมื่อเหตุเช่นนั้นเกิดขึ้น จึงส่งผลต่อความรับผิดของผู้กระทำผิดทุกคนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ส่วนในกรณีของวรรค 4 ที่การปล้นทรัพย์ได้กระทำโดยใช้ปืนยิง ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่องค์ประกอบความผิดที่ผู้กระทำความผิดทุกคนต้องทราบ ดังนั้นเมื่อมีผู้หนึ่งผู้ใดใช้ปืนยิง ผู้ร่วมกระทำผิดทุกคนก็ต้องรับผิดตาม วรรค 4 นี้ด้วย


No comments:

Post a Comment