Saturday, 17 December 2016

บทที่ 2 ผู้เสียหาย

บทที่ 2
ผู้เสียหาย

โดยเฉลิมวุฒิ สาระกิจ
เอกสารประกอบการสอนกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

1. บทนำ
                เหยื่อของอาชญากรรม (victim of crime) คือบุคคลที่ได้รับความเสียหายเนื่องมาจากการกระทำความผิดหรืออาชญากรรม ซึ่งอาชญากรรมส่วนใหญ่ไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใดก็มักจะมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมนั้นเสมอ เว้นแต่อาชญากรรมบางอย่างที่ตัวผู้กระทำความผิดเป็นเหยื่อเอง เช่น ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย คนที่ถูกทำร้ายก็คือเหยื่อ ความผิดฐานข่มขื่นกระทำชำเราคนที่ถูกข่มขืนก็คือเหยื่อ แต่สำหรับความผิดฐานทำให้ตนแท้งลูก หญิงที่ทำให้ตนแท้งลูกแม้จะได้รับความเสียหายเนื่องจากการทำแท้งก็ไม่ใช่เหยื่อ (victim)
                เหยื่อของอาชญากรรมนั้นมีบทบาทสำคัญในการดำเนินคดีอาญา ทั้งในเรื่องของการร้องทุกข์ การฟ้องคดี และเป็นพยานในชั้นศาล รวมถึงในปัจจุบันมีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองเหยื่อของอาชญากรรมมากขึ้น ซึ่งในกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เรียกเหยื่อของอาชญากรรมว่า “ผู้เสียหาย”
2. ความหมายของผู้เสียหาย
ผู้เสียหายหรือเหยื่อของอาชญากรรม (victim) เป็นบุคคลที่ได้รับความเสียหายเนื่องมาจากความผิดหรืออาชญากรรม ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ได้ให้ความหมายของ "ผู้เสียหาย" หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจ จัดการแทนได้ดั่งบัญญัติไว้ใน มาตรา 4 มาตรา 5 และ มาตรา 6 ดังนั้นจากบทบัญญัติของกฎหมายผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มี 2 ประเภท คือ 1. ผู้เสียหายที่แท้จริง และ 2.ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย
2.1 ผู้เสียหายที่แท้จริง
ผู้เสียหายที่แท้จริง หมายถึง บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำความผิดอาญา ในฐานนั้นโดยตรงหลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่าเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงหรือไม่ พิจารณาจากหลักเกณฑ์ 3ประการ ดังนี้
1) ได้มีความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่งเกิดขึ้นหรือไม่ โดยพิจารณาตาม ประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอาญาอื่น ๆ โดยที่ผู้ที่จะเป็นผู้เสียหายในความผิดที่ยังไม่เกิดนั้นไม่ได้
2) บุคคลนั้นเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหาย จากการกระทำความผิดนั้นโดยตรง โดยพิจารณาก่อนว่ากฎหมายอาญาในเรื่องนั้นๆ มุ่งประสงค์จะคุ้มครองใคร เอกชนหรือส่วนรวม
กฎหมายมุ่งคุ้มครองเอกชน เช่น ความผิดฐานลักทรัพย์ ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ ความผิดเกี่ยวกับการใช้เช็ค ความผิดเหล่านี้กฎหมายมุ่งคุ้มครองประโยชน์ของเอกชนดังนั้นผู้ที่เป็นผู้เสียหายก็คือ เจ้าของทรัพย์ ผู้ปกครอง หรือผู้ทรงเช็ค เป็นต้น
กฎหมายมุ่งคุ้มครองส่วนรวม เอกชนไม่อาจเป็นผู้เสียหายได้ เช่น ความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ความผิดฐานทำลายพยานหลักฐาน ป.อ.ม.199 ความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด ความผิดตามพระราชกำหนดกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ความผิดเหล่านี้รัฐมุ่งคุ้มครองความสงบสุขของประชาชนส่วนร่วม ดังนั้นผู้เสียหายคือรัฐเท่านั้น เอกชนไม่อาจเป็นผู้เสียหายได้
แต่ในบางกรณีเอกชนก็ถือว่าเป็นผู้เสียหายได้ เช่น การจดสมรสซ้อน ซึ่งเป็นความผิดฐานฐานแจ้งความเท็จ คู่สมรสเดิมเสียหาย คู่สมรสใหม่ก็เป็นผู้เสียหาย ตาม ป.อ.ม.137 และรัฐก็เป็นผู้เสียหายด้วย
3) บุคคลนั้นเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
หลักเกณฑ์นี้มาจากแนวคำพิพากษาศาลฎีกา (มาจากหลักสากลที่ว่า "บุคคลควรมาศาลด้วยมืออันบริสุทธิ์") ดังนั้นแม้บุคคลนั้นเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากความผิดอาญาตามข้อ 2) มาแล้วก็ตาม หากเขาไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยแล้วก็ไม่อาจเป็นผู้เสียหายตาม ม. 2(4) ได้
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่า เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยหรือไม่
1) บุคคลนั้นมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือไม่ เช่น สมัครใจเข้าวิวาทกันเองขับรถด้วยความประมาททั้งคู่
2) บุคคลนั้นยินยอมให้มีการกระทำความผิดต่อตน เช่น หญิงยอมทำผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ยินยอมให้ผู้อื่นกระทำชำเราตน
3) บุคคลนั้นมีส่วนในการก่อให้เกิดความผิดและตนได้รับความเสียหาย เช่น ติดสินบนเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ล่อให้กระทำความผิดแล้วเข้าจับกุม (Entrapment)


2.ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย
ได้แก่ บุคคลที่มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายที่แท้จริงในเรื่องต่างๆ ที่บัญญัติไว้ในมาตรา “บุคคลดั่งระบุไว้ใน มาตรา 4มาตรา 5 และ มาตรา 6 มีอำนาจจัดการต่อ ไปนี้แทนผู้เสียหายตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ใน มาตรา นั้น ๆ
(1) ร้องทุกข์
(2) เป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา หรือเข้ารวมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ
3) เป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
(4) ถอนฟ้องคดีอาญาหรือคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
(5) ยอมความในคดีความผิดส่วนตัว” โดยแยกพิจารณาบุคคลที่มีอำนาจขจัดการแทนผู้เสียหายเป็นกรณีดังต่อไปนี้
1)  ผู้มีอำนาจจัดการแทนโดยต้องได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายก่อน
มาตรา 4 วรรค 2 หญิงมีสามีอาจอนุญาตให้สามีจัดการแทนได้ เว้นแต่เป็นกรณีตาม ม.5 ไม่ต้องได้รับอนุญาตเลย “มาตรา 4 ในคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายเป็นหญิงมีสามี หญิงนั้นมีสิทธิ ฟ้องคดีได้เอง โดยมิต้องได้รับอนุญาตของสามีก่อน    
ภายใต้บังคับแห่ง มาตรา 5 (2) สามีมีสิทธิฟ้องคดีอาญาแทน ภริยาได้ ต่อเมื่อได้รับอนุญาตโดยชัดแจ้งจากภริยา”
กรณีตามวรรคแรก เป็นการยืนยันว่าหญิงมีสามีสามารถจัดการคดีอาญาเองได้
กรณีตามวรรคสอง สามีสามารถจัดการแทนภริยาได้หากได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้ง (แต่ในทางกลับกันภริยาไม่มีสิทธิจัดการแทนสามี) และจะต้องเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
2 ผู้มีอำนาจจัดการแทนโดยผลของกฎหมาย ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้เสียหายก่อน กรณีตาม “มาตรา 5 บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้    
(1) ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล เฉพาะแต่ในความผิดซึ่ง ได้กระทำต่อผู้เยาว์ หรือผู้ไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความดูแล    
(2) ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยา เฉพาะแต่ในความผิด อาญาซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจะ จัดการเองได้    
(3) ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคล เฉพาะความผิด ซึ่งกระทำลงแก่นิติบุคคลนั้น”
ม.5 (1) ผู้แทนโดยชอบธรรมตาม หมายถึงผู้แทนโดยชอบธรรมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น บิดามารดา (บิดาต้องชอบด้วยกฎหมาย) ผู้ปกครอง ผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้อนุบาล
อำนาจจัดการแทนตาม ม.5 (1) เป็นกรณีที่ผู้เยาว์หรือคนไร้ความสามารถยังมีชีวิตอยู่ หากตายบุคคลที่มีอำนาจเป็นไปตาม ม.5 (2) และหากบาดเจ็บจนไม่สามารถจัดการเองได้ผู้มีอำนาจจัดการแทนคือทั้ง 5(1) และ 5(2) 
ผู้เยาว์ร้องทุกข์เองได้ ถ้ามีความรู้สึกผิดชอบแล้ว(อายุพอสมควร) แต่จะฟ้องคดีหรือขอเข้าเป็นโจทย์ร่วมกับอัยการนั้นไม่ได้ แม้จะได้รับความยินยอมก็ตาม
ม.5(2) เฉพาะกรณีผู้เสียหายที่แท้จริงถูกทำร้ายถึงตายหรือบาดเจ็บจนไม่สามารถจัดการเองได้ ถ้าความตายไม่ได้เป็นผลมาจากการทำร้ายไม่เข้ามาตรานี้ เช่น ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บแต่ตายเพราะเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคอื่น เช่นนี้ไม่ใช่กรณีตาม มาตรา (2)
ผู้บุพการี คือ ญาติสืบสายโลหิตขึ้นไป บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด ฯลฯ บุคคลอื่นแม้จะเป็นญาติใกล้ชิดก็ไม่มีสิทธิเพราะไม่ใช่บุพการี เช่น ป้าที่หลานถูกฆ่าตาย น้องชายถูกฆ่าตายพี่ชายก็ไม่มีสิทธิในการดำเนินคดี มีข้อสังเกตคือ กรณีของบิดาแม้เป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม หากว่า ตามความเป็นจริงแล้วเป็นบิดาตามสายโลหิตก็ถือว่าเป็นบุพการี
ผู้สืบสันดาน คือ ญาติสืบสายโลหิตลงมา ลูก หลาน เหลน ฯลฯ โดยถือตามความเป็นจริงเช่นกัน เช่น บิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายถูกฆ่าตาย ลูกมีสิทธิจัดการแทนบิดาได้
สามีภริยาจะต้องชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกับกรณีของมาตรา 4  
การที่ผู้มีอำนาจจัดการแทนจะเข้ามาดำเนินคดีแทนผู้ตายได้นั้น ผู้ตายต้องเป็นผู้เสียหายอย่างแท้จริงเสียก่อน หากไม่ใช่แล้วก็ไม่มีสิทธิ
นอกจาก ม.5(2) แล้ว กรณีความผิดฐานหมิ่นประมาท ป.อ.มาตรา 333 ความผิดในหมวดนี้เป็นความผิดอันยอมความได้   ถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

ม.5(3) ผู้จัดการแทน/ผู้แทนอื่นๆ ในกรณีที่ผู้จัดการแทนหรือผู้แทนทำผิดต่อนิติบุคคลเอง บุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้เสียหาย อาจเป็นผู้เสยหายตาม ม. 2 (4) ด้วย เช่น กรรมการยักยอกทรัพย์บริษัท กรรมการไม่ฟ้องคดีอาญา ผู้ถือหุ้นเสียหายอาจฟ้องคดีอาญาเองได้

3) ผู้มีอำนาจจัดการแทนโดยได้รับอนุญาตจากศาล กรณีตาม ม.6
“มาตรา 6 ในคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดย ชอบธรรมหรือเป็นผู้วิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถไม่มีผู้อนุบาล หรือซึ่งผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาลไม่สามารถจะทำการตามหน้าที่โดยเหตุหนึ่งเหตุใด รวมทั้งมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เยาว์ หรือคนไร้ความสามารถนั้น ๆ ญาติของผู้นั้นหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องอาจร้องต่อศาลขอให้ตั้งเขาเป็นผู้แทนเฉพาะคดีได้ เมื่อได้ไต่สวนแล้วให้ศาลตั้งผู้ร้องหรือบุคคลอื่นซึ่งยินยอมตามที่เห็นสมควรเป็นผู้แทนเฉพาะคดี เมื่อไม่มีบุคคลใดเป็นผู้แทนให้ศาลตั้งพนักงานฝ่ายปกครองเป็นผู้แทน ห้ามมิให้เรียกค่าธรรมเนียมในเรื่องขอตั้งเป็นผู้แทนเฉพาะคดี
ผู้แทนเฉพาะคดี ศาลจะตั้งได้ต่อเมื่อผู้เสียหายที่แท้จริงเป็นผู้เยาว์หรือผู้วิกลจริต ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล ไม่เข้ากรณี ม.5(1) หรือมีผู้จัดการแทน แต่ไม่สามารถจัดการแทนได้โดยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง




รวมบทความและข้อสอบปรนับกฎหมายอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายลักษณะพยาน เหมาะสำหรับคนที่กำลังจะสอบตำรวจทั้งนายสิบตำรวจ นายตำรวจสัญญาบัตร ผมจะทยอยออกข้อสอบให้ครอบคลุมเนื้อหาที่ใช้สอบทั้งหมดนะครับ ลักษณะข้อสอบจะถามทีละเรื่องเพื่อเน้นให้ผู้ทำเข้าใจกฎหมายไปทีละเรื่อง สนับสนุนหรือให้กำลังใจผู้เขียนได้โดยการซื้อหนังสือของผู้เขียนตามลิ้งด้านล่างครับ ขอบคุณทุกท่าน



กฎหมายอาญาสำหรับตำรวจ
chaloemwut sarakit
www.mebmarket.com
เหมาะสำหรับคนที่จะสอบตำรวจ ทั้งนายสิบตำรวจและนายตำรวจสัญญาบัตร และประชาชนทั่วไปที่สนใจกฎหมายอาญา






No comments:

Post a Comment