ความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเหตุฉกรรจ์นั้นเป็นความผิดที่มีโทษหนักกว่าความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
ตาม ม.288 เพราะเหตุที่ได้กระทำตาม ม.289
นั้นถือเป็นเหตุฉกรรจ์ที่ควรต้องได้รับโทษหนักขึ้น ดังนั้นจึงต้องเข้าใจก่อนว่า
เหตุฉกรรจ์กับผลฉกรรจ์นั้นไม่เหมือนกัน เพราะผลฉกรรจ์ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้นเนื่องมาจากผลของการกระทำ
เช่น ในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
หากผลของการทำร้ายร่างกายผู้กระทำได้รับอันตรายถึงสาหัส เช่น แขนขาด ขาขาด
ผู้กระทำต้องรับโทษหนักตาม ม.297 ไม่ใช่รับโทษตาม ม.295
หากพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้กระทำได้กระทำครบองค์ประกอบความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
ตาม ม.288
และปรากฏว่าการกระทำของนั้นมีเหตุใดเหตุหนึ่งตาม ม.289 (1) - (7) ผู้กระทำก็ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย
ซึ่งเหตุฉกรรจ์มีดังต่อไปนี้
(5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
ฆ่าโดยทรมาน หมายถึง
ไม่ต้องการให้ตายทันทีแต่ทำให้ได้รับทุกขเวทนาหรือให้ได้รับความลำบากอย่างสาหัสก่อนตาย
เช่น ใช้เชือกลากไปตามถนนจนตาย จุดไฟเผาในขณะที่ยังไม่ตาย
เอามีดแทงให้เลือดไหลปล่อยทิ้งไว้ให้ตายช้า ๆ เหล่านี้เป็นการฆ่าคนตายโดยทรมาน
ฆ่าโดยกระทำทารุณโหดร้าย
พิจารณาจากความรู้สึกของคนทั่วไปว่าทารุณโหดร้ายหรือไม่ เช่น ฆ่ายกครัว
ฆ่าหญิงที่มีครรภ์ ใช้เชือกรัดคอเด็ก กระทืบจนตายคาเท้า นายแดงต้องการฆ่านายดำ
จึงเอามีดแทงนายดำหนึ่งทีที่กลางอก แล้วปล่อยให้นายดำตายช้า ๆ
เช่นนี้เป็นการฆ่าคนจายโดยทรมาน แต่หากว่านายแดงต้องการฆ่านายดำ จึงเอามีดแทงนายดำ
30 ทีที่บริเวรท้องจนนายดำถึงแก่ความตาย
เช่นนี้ไม่ใช่เป็นการฆ่าโดยทรมาน เพราะไม่ได้ทำให้ตายอย่างช้า ๆ
แต่เป็นการฆ่าโดยกระทำทารุณโหดร้าย
ตัวอย่างคดีที่น่าสนใจเกี่ยวกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยทารุณโหดร้าย
เมื่อปี 2552
ช่วงก่อนวันสงกรานต์ มีผู้พบศพ 5 ศพ ในคฤหาสน์หรูย่านบึงกุ่ม
สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน ตำรวจเร่งสืบหาคนร้ายจนจับได้
แต่คดีกลับมีเงื่อนงำ
No comments:
Post a Comment