Wednesday 22 January 2014

Offences against Property ความผิดฐานรับของโจร

ความผิดฐานรับของโจร
ความผิดฐานรับของโจร เป็นความผิดที่กฎหมายมองว่าการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ เพราะเป็นแหล่งรับซื้อ รับจำหน่าย ซึ่งถือเป็นแหล่งระบายของที่ได้มาจากการกระทำความผิด อาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์อาจไม่เกิดขึ้น หากว่าทรัพย์ที่ได้มาไม่สามารถนำไปขายต่อหรือไม่สามารถสร้างผลกำไรให้กับพวกอาชญากร ดังนั้น ผู้ที่กระทำความผิดฐานรับของโจราสมควรจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย
มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจรต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

องค์ประกอบความผิด                 
     ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด
ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีด เอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์
โดยเจตนา
ความผิดฐานรับของโจรมีการกระทำหลายลักษณะ หากเข้าลักษณะของการกระทำใดการกระทำหนึ่ง ผู้กระทำย่อมมีความผิดฐานรับของโจรได้ 
ช่วยซ่อนเร้น คือ การทำให้หาทรัพย์นั้นยากขึ้น
ช่วยจำหน่าย คือ พาทรัพย์นั้นไปขายหรือนำไปจำนำ
คำพิพากษาฎีกาที่ 2093/2529 จำเลยมีอาชีพซ่อมรถจักรยานยนต์ ได้นำรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายซึ่งถูกชิงทรัพย์ไปจำนำ โดยมิได้นำทะเบียนรถไปแสดง เมื่อถูกกล่าวหา ก็อ้างแต่เพียงว่าเป็นรถของ .โดยมิได้นำตัว .มาสืบ ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ช่วยจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิดอันเป็นความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาฎีกาที่ 856/2530 จำเลยรู้อยู่แล้วว่า .ไปลักเครื่องยนต์ของผู้เสียหายมา จำเลยช่วยพาเครื่องยนต์นั้นไป เพื่อหวังว่าจะได้ส่วนแบ่งจากการขายเครื่องยนต์ดังกล่าวจึงมีความผิดฐานรับของโจร
ช่วยจำหน่าย
คำพิพากษาฎีกาที่ 1609/2522 จำเลยอยู่ที่ปากถ้ำที่เกิดเหตุ เจ้าพนักงานพบคนร้ายมีกระบือผูกอยู่ในถ้ำ จำเลยเพียงแต่ดูกระบือตั้งใจจะซื้อ ยังไม่ตกลงซื้อก็ถูกจับ ยังไม่เป็นความผิดฐานรับของโจร (ยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำผิด)
คำพิพากษาฎีกาที่ 680/2508 (สบฎ เน 569) มีคนเอาปืนมาจำนำ จำเลยไม่มีเงิน จึงพาไปจำนำกับผู้อื่น โดยช่วยพูดให้เขารับจำนำ เป็นการช่วยจำหน่าย ตาม 357
คำพิพากษาฎีกาที่ 239/2512 (สบฎ เน 2118) จำเลยนำรถจักรยานที่ถูกลัก "ไปฝากผู้อื่น ให้ช่วยขาย" โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้จากการทำผิด ย่อมมีความผิดตาม 357
คำพิพากษาฎีกาที่ 1380/2533 จำเลยได้รับซื้อและขายรถของกลาง โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นรถที่ถูกคนร้ายลัก ถึงแม้จำเลยได้ทำในนามของบริษัท . จำกัด หรือบริษัท .จำกัด ในฐานะที่จำเลยเป็นลูกจ้างก็ตาม ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการรับซื้อไว้ และช่วยจำหน่ายซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร
ทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด หมายถึงทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิดโดยตรง เป็นทรัพย์อันเดียวกับที่ได้มาจากการกระทำความผิด ยังไม่เปลี่ยนแปลงสภาพไป
คำพิพากษาฎีกาที่ 187/2541 รถยนต์กระบะของกลางมีสภาพเป็นรถใหม่ผู้เสียหายซื้อมาก่อนเกิดเหตุ 5 เดือน ราคา 335,000 บาท แต่ขณะที่จำเลยรับซื้อรถยนต์กระบะของกลาง ปรากฏว่าไม่มีกุญแจ และบริวารกุญแจไขประตู และกุญแจสตาร์ทชำรุด ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ป้ายวงกลม และหลักฐานการทำประกันภัยก็ไม่มีที่รถ ในชั้นจับกุมและสอบสวน จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้รับซื้อรถยนต์กระบะของกลางไว้ในราคา 80,000 บาท ดังนี้ ตามพฤติการณ์พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยรับซื้อรถยนต์กระบะของกลาง โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร
คำพิพากษาฎีกาที่ 7206/2540  เด็กหญิง . มีนิสัยชอบลักขโมยซึ่งจำเลยก็ทราบดี บ้านผู้เสียหายก็อยู่ใกล้บ้านจำเลยเด็กหญิง . ไปมาหาสู่บ้านจำเลยบ่อย จำเลยจึงน่าจะทราบความเป็นไปในบ้านผู้เสียหายจากเด็กหญิง . เมื่อเด็กหญิง . ลักสุราต่างประเทศจากบ้านผู้เสียหายได้ก็น่าจะนำไปขายให้คนบ้านใกล้เรือนเคียงซึ่งล้วนแต่เป็นญาติกันจำเลยควรจะทราบดีว่าสุราต่างประเทศ ไม่ใช่ของเด็กหญิง . แน่นอน
คำพิพากษาฎีกาที่ 427/2541 จำเลยที่ 2 มีบ้านอยู่ใกล้กับบ่อเลี้ยงปลาของผู้เสียหายและทราบดีว่า . เป็นคนเฝ้าบ่อปลาให้กับผู้เสียหาย ดังนั้นการที่ . นำปลาดุกเลี้ยงจำนวนมากถึง 42 กิโลกรัมมาขายให้แก่จำเลยที่ 2 ในเวลาวิกาลประมาณ 4 นาฬิกา และขายในราคาต่ำเพียงกิโลกรัมละ 8 บาท ในขณะที่จำเลยที่ 2 สามารถนำไปขายต่อได้ถึงกิโลกรัมละ 22 บาท เช่นนี้ย่อมเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำเลยที่ 2 ทราบว่า . ลักปลาดุกเลี้ยงของผู้เสียหายมา การที่จำเลยที่ 2 รับซื้อไว้ ผิดฐานรับของโจร     
นอกจากต้องเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดแล้ว ทรัพย์นั้นต้องยังไม่เปลี่ยนสภาพด้วย เช่น ลักเงินมาซื้อของแล้ว เงินที่ลักมาย่อมเป็นของโจร แต่ของที่ได้มาจากการนำเงินไปซื้อไม่ใช่ของโจรแล้ว
คำพิพากษาฎีกาที่ 1942/2514 โคของจำเลยที่ 3 ถูกคนร้ายลักไปฆ่าเอาเนื้อขายให้ผู้เสียหายและพวก ต่อมาจำเลยทั้งสี่ได้ไปเรียกร้องเอาเงินค่าโคจากผู้เสียหาย ถ้าไม่ให้จะเอาตำรวจจับตัวมาดำเนินคดีฐานรับซื้อเนื้อโคของร้าย ผู้เสียหายกลัวถูกดำเนินคดีจึงยอมให้เงินแก่จำเลยที่ 3 จะถือว่าเป็นการข่มขืนใจโดยขู่เข็ญผู้เสียหายฐานรับของโจรได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยมีเจตนาทุจริต ไม่ผิดฐานกรรโชก
คำถาม นายแดงไปลักไก่ชนของนายดำมา และนำมาทำแกงแคไก่ ขายให้กับนายขาว โดยที่นายขาวก็ทราบดีว่า ไก่นั้นนายแดงไปลักของนายดำมา นายขาวจะมีความผิดฐานรับของโจรหรือไม่
คำตอบ เมื่อทรัพย์อันเป็นของโจรเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม ย่อมไม่ใช่ของโจรแล้ว ดังนั้นแม้นายขาวจะทราบดีว่า ไก่ที่เอามาทำแกงขายเป็นไก่ที่ลักมา ย่อมไม่ใช่ของโจร นายขาวซื้อไว้ก็ไม่มีความผิดฐานรับของโจร
คำถาม นายแดงร่วมกับนายดำลักรถมอเตอร์ไซด์ของนายขาว แล้วนำมาถอดชิ้นส่วน แล้วขายอะไหล่ให้กับนายเขียวซึ่งซื้อไปโดยรู้ว่า เป็นชิ้นส่วนของรถที่ถูกขโมยมา
คำตอบ นายเขียวมีความผิดฐานรับของโจร เพราะชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์แม้จะถูกถอดออกมาก็ยังคงสภาพอยู่ ยังไม่เปลี่ยนสภาพไป นายเขียวย่อมมีความผิดฐารรับของโจร
คำถาม นายแดงร่วมกับนายดำลักรถมอเตอร์ไซด์ของนายขาว แล้วนำมาถอดชิ้นส่วน แล้วขายอะไหล่ให้กับนายเขียวซึ่งซื้อไปโดยไม่รู้ว่า เป็นชิ้นส่วนของรถที่ถูกขโมยมา นายเขียวขายต่อให้นายฟ้า นายฟ้าก็ไม่ทราบว่าเป็นของที่ลักมา แล้วขายต่อให้นายม่วงโดยที่นายม่วงรู้จากนายแดงว่าของนั้น นายแดงเป็นคนลักมาขายต่อเป็นทอดๆ แต่นายม่วงก็ซื้อไว้
คำตอบ กรณีเช่นนี้แม้จะมีการขายต่อการหลายทอด ผู้ที่ซื้อไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นของโจร ย่อมไม่มีความผิด เพราะขาดเจตนา ส่วนผู้ซื้อทอดใดที่รู้ว่าเป็นของโจร และยังรับซื้อไว้ย่อมมีความผิดฐานรับของโจร ของโจรไม่ว่าจะมีการซื้อกันกี่ทอดก็ยังเป็นของโจรอยู่
ทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ หากเป็นทรัพย์ที่ได้มานอกจากความผิดเหล่านี้ ผู้ที่รับไว้ไม่มีความผิดฐารนรับของโจร
คำถาม นายแดงได้รถยนต์มาจากการโอนขายนายดำ เพื่อไม่ให้เจ้าหนี้ที่กำลังฟ้องคดีของนายดำได้รับชำระหนี้ นายแดงนำรถยนต์คันนั้นมาขายต่อให้นายขาวโดยที่นายขาวก็ทราบดีว่าเป็นรถที่ได้มาจากการโกงเจ้าหนี้
     คำตอบ นายขาวไม่มีความผิดฐานรับของโจรเพราะรถยนต์ที่รับซื้อไว้ไม่ใช่ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานใดฐานหนึ่งที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 357
คำถาม นายแดงกับนายดำสองคนไปลักหมูของนายขาวมา และได้นำหมูมาชำแหละ แบ่งกันไปขายคนละครึ่งและนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน นายแดงและนายดำจะมีความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ 
      คำตอบแดงและดำเมื่อได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว ย่อมไม่มีความผิดฐานรับของโจรอีก เพราะเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว คือ ลักทรัพย์ แม้ต่อมาจะนำทรัพย์นั้นไปทำอย่างไรก็มีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์ฐานเดียว

เหตุเพิ่มโทษตามวรรคสอง
.357 วรรค2 “ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำเพื่อค้ากำไร หรือได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตาม มาตรา 335 (10) ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงสองหมื่นบาท
หากความผิดฐานรับของโจรได้กระทำเพื่อค้ากำไร ซึ่งเป็นมูลเหตุชักจูงใจให้กระทำนั้น กฎหมายลงโทษหนักขึ้นตามวรรคสอง เช่น เปิดร้านรับซื้อของเก่า แล้วรับซื้อของที่คนลักมาขาย เพราะซื้อราคาถูกแต่นำไปขายราคาแพงจึงได้กำไรดี เป็นต้น
ความผิดฐานรับของโจรซึ่งได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดย การลักทรัพย์ตาม มาตรา 335 (10) ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ เช่น นายแดงรู้ว่านายดำไปชิงทรัพย์มาและได้นำมอเตอร์ไซค์มาขายให้ นายแดงเห็นว่าราคาถูกดี จึงรับซื้อไว้ นายแดงย่อมมีความผิดฐานรับของโจรตามวรรคสอง 
เหตุเพิ่มโทษตามวรรคสาม
.357 .3 ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำต่อทรัพย์ อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตาม มาตรา 335ทวิ การชิงทรัพย์ตาม มาตรา 339ทวิ หรือการปล้นทรัพย์ตาม มาตรา 340ทวิ ผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่น บาทถึงสามหมื่นบาท
เหตุเพิ่มโทษตามวรรคสามเป็นกรณีของการกระทำความผิดฐานรับของโจร ในกรณีรับของโจรที่ได้มาจากการลัก ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูป หรือวัตถุในทางศาสนา 

ข้อสังเกตสำหรับเหตุเพิ่มโทษตามวรรคสองและวรรคสาม
นายแดงร่วมกับนายดำเอาปืนจี้นายขาว แล้วเอารถมอเตอร์ไซค์ของนายขาว มาขายให้กับนายเขียวราคา 3 พันบาท โดยที่บอกกับนายเขียวว่า รถคันนี้นายแดงกับนายดำร่วมกันลักมาจากนายขาว นายเขียวเห็นว่าถูกดีและจะนำไปใช้ในสวนเลยซื้อไว้ นายเขียวจะมีความผิดฐานรับของโจร ตามมาตรา 357 วรรคสองหรือไม่
นายแดงรู้ว่าเป็นของที่ได้มากจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์เมื่อรับซื้อไว้ย่อมมีความผิดฐานรับของโจร ซึ่งข้อเท็จจริงว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ เป็นเงื่อนไขลงโทษทางภาวะวิสัยซึ่งผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนา หมายถึง แม้ผู้กระทำจะไม่ทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ก็ต้องถูกลงโทษหนักขึ้น

No comments:

Post a Comment