Tuesday 28 October 2014

ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราควรมีโทษถึงขั้นประหารชีวิตหรือไม่

"ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราควรมีโทษถึงขั้นประหารชีวิตหรือไม่"

11 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 11:16 น.
วันนี้ลองถามนิสิตดูว่า

"ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราควรมีการแก้บทลงโทษให้หนักขึ้นถึงขั้นประหารชีวิตหรือไม่"


ส่วนใหญ่นิสิตเห็นด้วย เหตุผลเพื่อให้โทษที่หนักขึ้นถึงขั้นประหารชีวิตเป็นตัวยับยั้งไม่ให้คนคิดจะกระทำผิด โทษหนักสามารถยั้บยั้ง(Deterrence) อาชญากรรมได้


ถามว่า โทษประหารชีวิตสามารถยับยั้งไม่ให้คนถูกข่มขืนได้จริงไหม


หากวิเคราะห์ตามหลัก "เศรษฐศาสตร์" เราสามารถยับยั้งอาชญากรรมได้ โดยการทำให้ต้นทุนของการกระทำความผิดสูงขึ้น เพราะต้นทุนสูงขึ้น ทำผิดแล้วไม่คุ้ม ผู้กระทำจะเลือกไม่กระทำ


ปัญหาต่อมาว่า เราจะเพิ่มต้นทุนผู้กระทำความผิดยังไงให้สูงขึ้น


การทำให้ต้นทุนในการกระทำความผิดสูงขึ้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ

1. เพิ่มโทษ

2. เพิ่มโอกาสในการถูกจับกุม


แสดงว่า การเพิ่มโทษในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา สามารถยับยั้งผู้กระทำความผิดฐานนี้ได้ แต่ปัญหาที่จะตามมา คือ หลังจากที่มีการข่มขืนแล้ว ต่อไปนี้เหยื่อที่ถูกข่มขืนจะถูกฆ่าตายมากขึ้น


เหตุผล ทำไมเหยื่อจึงจะถูกฆ่าตาย เพราะการฆ่าเหยื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้กระทำความผิดมากกว่า

มีประโยชน์มากกว่ายังไง

หากโทษข่มขืนกระทำชำเราถึงขั้นประหารชีวิต การฆ่าเหยื่อตายโทษของการกระทำความผิดก็เท่าเดิมกับการข่มขืน คือ ประหารชีวิต


แต่ที่เป็นประโยชน์ เพราะคดีนี้จะขาดพยานสำคัญในคดีเนื่องมาจากผู้เสียหายตายแล้ว ไม่มีคนไปเบิกความที่ศาล ซึ่งหากมองในมุมของผู้กระทำความผิดแล้ว การฆ่าเหยื่อให้ตายมีแต่ประโยชน์


ช่วงระยะความหนักเบาของโทษ ฐานข่มขืนกระทำชำเรากับโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โทษของสองฐานความผิดนี้ต้องมีมีระยะห่างกัน


เพื่อให้ระยะห่างของโทษ เป็นตัวยับยั้งไม่ให้ผู้กระทำความผิดฆ่าเหยือหลังจากการข่มขืน เช่น หากข่มขืนมีโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 20 ปี แต่ถ้าข่มขืนแล้วฆ่าจะมีโทษประหารชีวิต


ความหนักเบาของโทษที่เพิ่มขึ้นหากฆ่าเหยื่อตาย จะเป็นตัวยับยั้งผู้กระทำความผิด ให้พอแค่ข่มขืน อย่าฆ่าเหยื่อ เพราะโทษจะหนักขึ้นถึงขั้นประหารชีวิต

ที่ยกมาทั้งหมด เป็นการวิเคราะห์โทษทางอาญาตามหลักของ "นิติเศรษฐศาสตร์" นะครับ

ป.ล. ความผิดฐานนี้ส่วนใหญ่เกิดจากคนใกล้ชิดมากกว่าคนอื่น เช่น แฟน เพื่อน คนรู้จัก จะเกิดจากคนแปลกหน้าได้ค่อนข้างน้อย เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรไม่ทำตัวให้ตกเป็นเหยื่อดีที่สุด


อย่างที่เขาว่ากัน "คนไว้ใจ สุดท้าย...ร้ายที่สุด"




..................................
เฉลิมวุฒิ สาระกิจ
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

No comments:

Post a Comment